อาหารปั่นสุขภาพ : ปิ่น คำเพียงเพชร
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ตั้งอธิศีลฝึกลดละกามจากความติดยึดในรูปของอาหาร และต้องการพิสูจน์ด้วยตนเองด้วยว่าถ้าเราทานอาหารปั่นเพียงอย่างเดียวจะเป็นอย่างไร ชีวิตนี้จะอยู่ได้ไหม จะมีผลกับร่างกายและจิตใจอย่างไร ซึ่งในส่วนของด้านร่างกายนั้นไม่มีปัญหาอะไร ก็ได้พิสูจน์มาตามลำดับ ก็พบว่ามันดี ทานแล้วเบาสบายตัวมีกำลังดี เหงือกอักเสบก็หายได้ภายใน 3 วันเลย
อาหารฤทธิ์เย็น
เวลาที่ใช้ในการทำอาหาร ประมาณ 15 นาที
วันนี้เป็นวันที่ 12 ของการทดลองรับประทานอาหารปั่นสุขภาพมื้อเดียว เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งไปจ่ายตลาดกลับมาใหม่ พืชผักที่มีก็จะค่อนข้างหลากหลาย ทั้งสีเขียวสีแดงก็ว่ากันไปและวันนี้ จะนำเสนอเป็นสีเขียวกับสีแดง สีเขียวก็จะมาจากพืชผักสีเขียวเป็นหลัก และสีแดงก็จะเป็นจากมะเขือเทศ ซึ่งที่มาของเนนูนี้เกิดจากเมื่อหลายวันก่อนได้ยินพี่น้องจิตอาสาท่านหนึ่งพูดพูดถึงอาหารที่ทำจากเมนูยำมะเขือเทศ
พอไปตลาดเห็นมะเขือเทศก็นึกถึง ก็เลยซื้อมะเขือเทศกลับมาบ้าง และคิดว่าเราเองก็น่าจะลองทำเมนูมะเขือเทศดูบ้างเหมือนกัน ก็อยากจะรู้ว่าเมนูมะเขือเทศเวลาเอามาปั่นแล้วนี่มันจะออกมาเป็นรสชาติและหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะปกติที่เคยทำเมนูมะเขือเทศจะทำเป็นน้ำพริกหรือเอาไปผัดเอาไปย่างเป็นต้น แต่ยังไม่เคยลองเอามาปั่นละเอียดทำเป็นในรูปของอาหารปั่นมาก่อน มาดูกันค่ะ ว่าเมนูอาหารปั่นที่ทำจากมะเขือเทศจะออกมาหน้าตาและรสชาติของเขาจะเป็นอย่างไร
วัตถุดิบฤทธิ์เย็น-สด
- แตงกวา หรือแตงกวาญี่ปุ่น 1 ลูก
วัตถุดิบฤทธิ์เย็น-สุก
- ผักบุ้งลวก 5 ต้น
- ถั่วแขกลวก 3 กำมือ
- วอเตอร์เครสลวก 2 กำมือ
- มะเขือเทศนึ่งสุก 3 ลูก
- ข้าวกล้องเหลืองหุง 1 ถ้วย
- ถั่วเขียวนึ่ง 1 ถ้วย
- ข้าวขาวหุง 2 ช้อนโต๊ะ
วัตถุดิบฤทธิ์ร้อน-สุก
- มันเทศสีม่วงต้มหรือนึ่ง 1 แว่นหนาพอคำ
- เกลือหรือดอกเกลือ 1/2 ช้อนชา
- พริกหวานสีแดงนึ่ง 1/2 ลูก
- กระเทียมนึ่ง 2 กลีบเล็ก
- หอมแดงนึ่ง 1/3 หัว
วิธีทำ
- นำถั่วเขียว มะเขือเทศ พริก หอมแดง กระเทียมไปนึ่ง
- ระหว่างรอของที่นึ่งสุก นำถั่วแขก ผักบุ้งวอเตอร์เครส ไปลวกให้แต่ละอย่างแค่พอสุกพักไว้
- ตามด้วยต้มมันให้สุกแยกพักไว้ เมื่อทุกอย่างสุกเรียบร้อย ก็นำไปปั่นโดยให้ละเอียดตามต้องการ แบบด่วนคือนำทุกอย่างปั่นรวมกันเลยทีเดียว แต่หากต้องการจัดใส่ชามตกแต่งให้ดูสวยงามน่าทานตามภาพ
หากต้องการปั่นแยกสี
- สีแดง ได้แก่มะเขือเทศ พริก หอมแดงกระเทียม เกลือ และถั่วเขียว โดยใช้ 1/3 ของถั่วเขียวมาปั่นรวมกันกับมะเขือเทศ ฯ ให้ละเอียดตามต้องการ โดยไม่ต้องเติมน้ำใด ๆ ก็จะออกมาพอดี จากนั้นตักใส่ถ้วยพักไว้
- สีเขียว ได้แก่นำผักทุกอย่างทั้งสดทั้งลวก รวมถึงถั่วเขียวนึ่งที่เหลือ และข้าวกล้องเหลืองหุงไปปั่นรวมกันให้ละเอียดตามต้องการ โดยเติมน้ำที่ใช้ต้มผักเข้าไป หากข้นไปสามารถเติมน้ำได้อีก พักไว้
- นำมันม่วงกับข้าวขาวหุงไปปั่นรวมกันให้ละเอียด
- ตักอาหารปั่นสีเขียวใส่ชามให้เลยครึ่งถ้วยนิด ๆ ตามด้วยตักสีแดงราดหน้าด้านบนของอีกครึ่งหนึ่ง แล้วเติมสีเขียวลงอีกครึ่งหนึ่งให้เสมอกัน จากนั้นแต่งหน้าด้วยสีม่วงเป็นวงกลมตรงกลางอีกครั้งตามภาพสุดท้ายโรยด้วยงาขาว หรือตกแต่งได้ตามสไตล์หรือตามไอเดีย
ข้อดี
- ประหยัด คือปริมาณของวัตถุดิบที่ใช้ลดลงจาก 1/3 เมื่อเทียบกับตอนที่ทานแบบปกติ
- ดูดซึมง่าย ร่างกายสามารถนำไปเป็นพลังได้ภานในเวลารวดเร็ว
- ใช้เวลาในการรับประทานน้อยลง
- ดีต่อสุขภาพปากและฟัน หมดปัญหาเรื่องเศษอาหารติดซอกฟัน
- ไม่ต้องเสียพลังงานในการไปคอยคิดคอยปรุงว่าวันนี้จะกินอะไรจะทำเมนูอะไรกินดี เพราะยังไงก็เอามาปั่นรวมกันอยู่แล้ว
- คราบที่ติดภาชนะล้างออกได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำยาล้างจาน
- ที่สำคัญคือ กิเลสควมติดยึดในรูปและรสชาติของอาหารลดลง
ข้อเสีย
- ถ้าลืมล้างภาชนะทันที จะแห้งติดทำให้ล้างยาก วิธีแก้คือล้างทันทีหรือเปิดน้ำแช่ไว้เพื่อไม่ให้คราบอาหารแห้งติด
- ภาชนะที่ต้องล้างมีหลายชิ้นมากขึ้นกว่าปกติ (กรณีคนที่ต้องถ่ายรูปเผื่อแชร์ต่อให้คนอื่นได้ดูตาม)
สภาวะทางร่างกาย
รสชาติออกมากลมกล่อมกำลังดีทานง่าย หลังรับประทานก็รู้สึกอิ่มนานเบาตัวดี แต่เนื่องจากทานมากไปหน่อยจนอิ่มเกิน ก็จะรู้สึกง่วงเล็กน้อย เหมือนเวลาที่เราทานอาหารปกติที่เวลาทานจนอิ่มเกินไปก็จะรู้สึกง่วงเหมือนกัน
สภาวธรรม
ใจจริง (กิเลส) อยากทำน้ำพริกมะเขือเทศแบบที่เคยทำคือการนำไปผัดหรือไปย่างให้หอม เพราะเป็นเมนูที่ทำอยู่เรื่อย ๆ เพราะรสกลมกล่อมกำลังดีเหมาะกับการนำมารับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับผักสดผักลวกได้ดี
แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ตั้งอธิศีลฝึกลดละกามจากความติดยึดในรูปของอาหาร และต้องการพิสูจน์ด้วยตนเองด้วยว่าถ้าเราทานอาหารปั่นเพียงอย่างเดียวจะเป็นอย่างไร ชีวิตนี้จะอยู่ได้ไหม จะมีผลกับร่างกายและจิตใจอย่างไร ซึ่งในส่วนของด้านร่างกายนั้นไม่มีปัญหาอะไร ก็ได้พิสูจน์มาตามลำดับ ก็พบว่ามันดี ทานแล้วเบาสบายตัวมีกำลังดี เหงือกอักเสบก็หายได้ภายใน 3 วันเลย
ทีนี้มาในส่วนของด้านจิตใจนี่สิ มันจะมีกิเลสตัวนั้นตัวนี้มากวนอยู่เรื่อย ๆ แทบทุกวันเลย อย่างเช่น รูปเมนูอาหารที่เคยกินจะมากวน กลิ่นหอมของอาหารที่เคยกิน เป็นต้น อย่างวันนี้ ก็มีกิเลสตัวอยากกินเมนูที่นำมะเขือเทศไปทำเป็นเมนูน้ำพริกมะเขือเทศ ที่เป็นเมนูผัดหรือย่าง ก็มากวนอีก แต่ก็สู้ไม่ตามใจกิเลสด้วยการเลือกเป็นการนำไปนึ่งแทน ก็บอกกิเลสไปว่าเอาไปนึ่งดูก่อนถ้ามันออกมาแล้วกินไม่ได้ หรือไม่ไหวจริง ๆ ก็ ค่อยใส่กระทียมเจียวหน่อยก็ได้ ตกลงก็ทำแบบนึ่งและรสชาติที่ออกมาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด รสดีด้วย สรุปมื้อนี้ก็ผ่านไปโดยที่ไม่ต้องปรุงตามกิเลส และได้เห็นถึงอุปทานความติดความยึดมั่นถือมั่นในรูปของอาหาร ว่าเราไปยึดเอาไว้เองว่าแบบนั้นแบบนี้รสดีแบบนี้อร่อย แบบนั้นไม่อร่อย แต่พอเราไม่ตามใจกิเลสจริง ๆ ทุกอย่างมันก็ไม่ได้แย่ไม่ได้เป็นอย่างที่กิเลสมันหลอกเราเลย
ดูมีสีสดน่ารับประทานค่ะ