หลงแคคตัส : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
ภาคกลาง
ความหลงในรูปและองค์ประกอบต่าง ๆ ของแคคตัส และหนักที่สุดคือมุมมองที่จะนำมันมาหารายได้ ซึ่งผิดไปจากสัมมาอาชีวะอยู่หลายข้อเลยทีเดียว
เล่าเรื่องเก่า…
การหลงแคคตัสของผมเริ่มตั้งแต่เด็ก ๆ รู้สึกแปลกใจในไม้หนาม จนมัธยมก็มาเริ่มเลี้ยงแบบไม่จริงจัง จนกระทั่งมาเอาจริงอีกทีตอนจบมหาวิทยาลัย เพราะคิดว่านอกจากจะเป็นงานอดิเรกแล้ว ดู ๆ ไปน่าจะสร้างรายได้ได้ดีอีกด้วย
การเรียนรู้และการสะสมดำเนินไป เงินก็ต้องจ่ายไปเรื่อย ๆ ตามความอยากได้อยากมี บาปแรกเลยคือการเอาทรัพยากรไปแลกกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์นี่แหละ ความจริงแคคตัสคือไม้ประดับ กินก็ไม่อิ่ม โตก็ช้าอีก คุณค่าที่มันมีจริง ๆ คือคุณค่าตามกิเลส หรือตามอุปาทานที่ใครต่อใครได้ยึดไว้ ซึ่งในเชิงฟังชั่นการใช้งานของไม้ประดับ มันก็ทำได้ไม่ดี หน้าที่คือเอาไว้ดูเฉย ๆ กับเอาไว้ใช้วิบากกรรม เช่นโดนหนามมันตำ
ผมเสียเวลากับมันไปค่อนข้องมาก กับการเรียนรู้วิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเลี้ยงและเพิ่มผลผลิตเท่าที่องค์ประกอบของเราจะทำได้ ทดลองต่อต้น ลองจนให้ได้วิธีที่ดีที่สุด ทำจนได้โอกาสต่อติดราว ๆ 90-100% (การต่อต้นในพืช(graft) มีไว้สำหรับเร่งการเจริญเติบโต โดยใช้รากของต้นที่แข็งแรก และลำต้นของพันธุ์ที่ดีมาต่อกัน) จนกระทั่งรู้สึกมั่นใจในความรู้ในการทดลองของตนที่มีมากกว่าความรู้ที่เขาแบ่งปันกันทั่วไปในอินเตอร์เน็ต
แต่สุดท้ายก็พบว่าความรู้เหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร คือไม่พ้นทุกข์ เสียเวลา สร้างวิบากร้าย เพราะยิ่งเผยแพร่ ความหลงผิดก็ยิ่งแพร่หลาย หนำซ้ำในโลกแห่งความจริง ผู้ปลูกล้วนมีเทคนิคพิเศษที่ไม่ได้บอกใครกันทั้งนั้น เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนเก่งกว่าเรายังมีอีกมาก แค่เขาเอามาบอกไม่หมดเท่านั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งไปต่อยิ่งจะไร้สาระที่พาพ้นทุกข์ไปเรื่อย ๆ
มอบตนในทางที่ผิด
จริง ๆ เราก็ผิดตั้งแต่มิจฉาอาชีวะข้อต้น ๆ แล้ว แต่เป็นเชิงละเอียด ที่ชัดที่สุดคือผิดในข้อ มอบตนในทางที่ผิด คือไปรับใช้ความหลงผิด ไปหลงอยู่ในกระแสอุปาทาน เมาอยู่ในกระแสโลกีย์ ปั้นสิ่งที่ไม่มีค่าให้มีค่า จริง ๆ ผักบุ้ง 1 ต้นยังมีค่ากว่า แต่เราเมา เพราะเราโง่ ไปให้คุณค่าในสิ่งที่ไม่เป็นคุณค่าแท้ มีแต่คุณค่าลวง คุณค่าที่คนปั้นขึ้นมาให้เป็นรูป หลอกกันไปหลอกกันมา เราก็ยอมให้เขาหลอก แล้วเราก็เอาความหลงของเราไปหลอกเขาอีกที
จริง ๆ แล้วก็ยังไม่ได้ขายแบบประกอบอาชีพ เก่งสุดคือทดลองแจก เพื่อทดสอบการขนส่ง แต่ก็มาเจออาจารย์หมอเขียวเสียก่อน วิถีโลกีย์เลยตันอยู่แค่นั้น ที่เหลือคือขายทิ้งทั้งหมด ขายทิ้งแบบขอทุนคืนนิดหน่อย เน้นเอาให้หมด ๆ ไปจากบ้านให้ไว ให้หมดภาระ ก็มีส่วนวิบากที่ต้องรับอยู่ แต่เราก็จำเป็นต้องใช้เงิน ก็เลยขายไปอย่างนั้น
พอไม่ต้องเกี่ยวพันกับแคคตัส ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินให้ การมอบตนในทางที่ผิด(ทางที่ปฏิบัติแล้วไม่พาพ้นทุกข์ พาหลง เสียเวลา เสียทรัพย์ เสียแรงงาน) ก็ปัจจัยที่มีมาทุ่มให้กับสิ่งที่เป็นประโยชน์ เอามาปลูกผัก กินได้ อิ่มท้อง อันนี้คือคุณค่าจริง ไม่ใช่ความลวง
ความจริงแล้ว แคคตัสมันก็อยู่ของมันดี ๆ แต่ก็มีคนหลง ไปให้คุณค่า สร้างคุณค่า สร้างความลวงหรือสร้างกิเลสขึ้นมา แล้วปั้นให้กลายเป็นอุปาทานหมู่ ให้น่าสนใจ ให้ดูมีราคา เพื่ออะไร? ก็เพื่อที่จะได้ขาย ทำกำไร ได้รู้สึกว่าได้อยู่กับสิ่งที่หลงได้อย่างมีคุณค่า และอีกสารพัดลีลาในการเสพ ดังนั้นความไม่รู้หรือความโง่ (อวิชชา) คือผู้ร้ายตัวจริงของเรื่องนี้นั่นเอง