ขุมทรัพย์ จากหมู่มิตรดี คือ รางวัล ของนักบำเพ็ญ : นักศึกษาวิชชาราม
ตัวชี้วัดว่า กิจกรรมไหน สิ่งไหน ควรหรือไม่ควรทำต่อ คือ พอทำไปแล้ว พี่น้องในกลุ่มกิเลสลดลง รักใคร่สามัคคีกัน ไม่เพ่งโทษถือสากัน เคารพศรัทธาในส่วนดี เมตตาอุเบกขาในส่วนด้อยส่วนพร่องของกันและกัน (ตามที่อาจารย์หมอเขียวท่านสอนจิตอาสาเสมอ) แบบนี้เจริญ ควรทำต่อไป แต่หากกิจกรรมไหน สิ่งไหน ทำไปแล้ว พี่น้องในหมู่กิเลส อัตตาโต หลงตัวหลงตน ไม่เคารพศรัทธากัน แตกร้าวกัน เพ่งโทษถือสากัน แบบนี้ไม่ดี ต่อให้กิจกรรมนั้นดีหรือมีประโยชน์แค่ไหน ก็ไม่ควรทำต่อ
สภาวธรรมกลุ่ม สรุปงานสรุปใจ ทีมบำเพ็ญ นักศึกษาชวนติวการบ้าน EP. 2
นวลนภา ยุคันตพรพงษ์ (เย็นน้อมพุทธ) | สวนป่านาบุญ 3 ปทุมธานี
สภาวธรรมในการบำเพ็ญสรุปกายใจผ่าน Zoom การติววิชาภาษาอังกฤษ การได้พูดเปิดเผยต่อหมู่กลุ่มที่เล็กลงและเฉพาะบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในแต่ละเหตุการณ์ ช่วยทำให้ประมาณการพูดเปิดเผยล้างกิเลส โลกธรรม อัตตา ทิฐิ มานะ ความยึดตัวยึดตนให้น้อยลงตามลำดับกับหมู่มิตรดี ที่เมื่อหลอมรวมกันจากที่ห่างไกลคนละประเทศคนละจังหวัด บางท่านไม่เคยพบเจอกันมาก่อนหรือพบผิวเผินตามค่ายพระไตรปิฎก ซึ่งไม่มีเวลาพูดเปิดเผยกิเลสชักลึกให้ตื้นได้เช่นนี้
ดังที่ว่า กิเลสตัวเองมองเห็นไม่ชัดหรือไม่เคยมอง แต่การได้หมู่มิตรดีชี้ขุมทรัพย์พลังปัญญาที่ดีงามจะช่วยเป็นแว่นส่องธรรมให้แก่กันและกัน เกิดความโชคดีที่มีหมู่มิตรดีธาตุเนกขัมมะเดียวกัน แจกแจงเปิดเผยแจ้งรายละเอียดเหลี่ยมมุมของกิเลสบางตัว ที่ถ้าปล่อยให้ลอยนวลไป ก็จะสะสมเป็นกองอุปทานขันธ์ 5 ที่นอนเนื่องรอเวลาระเบิดออกมาทางกาย วาจา ใจ ดูดพลังพุทธะไม่รู้จบ
ตอนแรกจะคิดว่าน้องชวนทำโน่นนี่เสียเวลาจัง แต่ที่ไหนได้การได้บำเพ็ญเช่นนี้เป็นบุพเพนิวาสานุสติให้ระลึกในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน เพื่อให้ได้แก้ไขในส่วนด้อยส่วนพร่อง ล้างใจในความขุ่นมัว หรือตัดสินใจคาดเดาใจเพื่อนบางอย่างจนอาจเกิดการเพ่งโทษกันได้ จึงเป็นการสกัดกั้นวิบาก 11 ประการที่พึงเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
ขอบคุณน้องที่ช่วยมาเตือนให้พี่ได้บำเพ็ญ ถ้าไม่มีน้องมาจุดประกายพี่คงปฏิบัติภารกิจตามความเคยชิน ที่คิดว่างานเขียนยกให้เพื่อนทำก็ได้ ตอนนี้งานเราเต็มหน้าตักไปหมดแลัวเอาเท่านี้พอแล้ว แต่เมื่อน้องเหมือนเป็นมาตลีเทพสารถีเตือนให้พี่เลื่อนฐานการบำเพ็ญ
หลังจบรายการได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน เห็นอานิสงส์ของญาน 7 พระโสดาบัน ข้อที่ 4 สันชาตญาณแห่งคนตรง เปิดเผยความในใจต่อหมู่มิตรดีสหายดี ซึ่งเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ว่า ไม่ใช่แค่เศษเสี้ยวแต่เป็นทั้งหมดของหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ด้วยการเดินมรรคมีองค์ 8 จึงสุขสบายใจไร้กังวล เกิดความแช่มชื่น ปิติสุข เติมพลังให้แก่กันและกัน
อรวิภา กริฟฟิธส์ | ประเทศออสเตรเลีย
สภาวธรรมจากการได้มาสรุปกายสรุปใจกับหมู่มิตรดี อรได้รับประโยชน์จากการที่มีพี่น้องมาชี้ขุมทรัพย์ให้ เราทำอะไรจนเคยชิน เราไม่รู้หรอกว่าการกระทำของเรานั้นมันแสดงถึงอัตตาตัวตนของเราอย่างไร เพราะเราคิดแต่เข้าข้างตัวเองว่าเรากำลังทำสิ่งดีอยู่นะ แล้วเราก็จะเอาให้ได้ โดยไม่ได้ประมาณให้ดี ก็จะทำให้เราล่วงเกินพี่น้องไปได้โดยไม่ได้ตั้งใจได้ พอได้พี่น้องหมู่มิตรดีมาชี้ขุมทรัพย์ให้ อรรู้สึกขอบคุณพี่น้องที่เมตตา อรขอเจริญอภัยพี่น้องด้วยนะคะ อรขอปวารณาให้พี่น้องชี้แนะติเตียนอรได้ตลอดนะคะ และขอบคุณน้องปิ่นที่เปิดประเด็น ขอบคุณพี่จิ๋ว ที่ชี้ให้อรได้เห็นสักกาย ความเป็นผู้จัดการใหญ่ในตัวอรที่คอยจัดการผู้อื่น แต่จัดการไม่ได้คือกิเลสของตัวเอง ชัดเจนที่สุด
สรุป
ประโยชน์ที่ได้คือพี่น้องชี้ขุมทรัพย์ให้ได้ เห็นสักกายะ ตัวผู้จัดการใหญ่ และเรื่องการประมาณการกระทำทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจให้เหมาะสมยิ่งขึ้นค่ะ ขอบคุณพี่น้องที่ให้โอกาสร่วมบำเพ็ญค่ะ สาธุ
ปิ่น คำเพียงเพชร | ประเทศมาเลเซีย
เพื่อให้เป็นไปตามหลักของอปริหานิยธรรม ตามแนวทางที่ทีมคุรุปฏิบัติและแนะนำไว้ คือการที่ทีมที่บำเพ็ญร่วมกันหลัก ๆ ควรจะชวนกันสรุปงานสรุปใจทุกครั้งหลังจากบำเพ็ญในกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านไป (ทีมคุรุเองก็ทำ) จึงลองนัดพี่น้องเพื่อชวนสรุปงานสรุปใจดู ซึ่งพี่น้องทุกท่านก็ยินดี
สรุปงาน
ทุกท่านยินดีพอใจที่ได้ร่วมบำเพ็ญ ที่ได้ช่วยให้พี่น้องสามารถพูดอ่านภาษาอังกฤษได้แม่นและคล่องขึ้น รวมถึงพี่น้องที่มาร่วมกิจกรรมก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน และได้หารือร่วมกันต่อว่า รูปแบบที่จะติวการบ้านกันในคราวต่อไปควรเป็นประมาณไหน พี่น้องที่เข้ามาร่วมกิจกรรมจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เท่าที่สามารถเป็นไปได้จริง
สรุปใจ
วันนี้ไม่คิดเลยว่า พี่น้องจะมีสัญชาตญาณแห่งคนตรงและกล้าเปิดกันอย่างเต็มที่ขนาดนี้ ตอนแรกก็เกรงใจพี่น้อง คิดว่าจะพูดบอกพี่น้องประมาณไหนดี จึงจะเกิดประโยชน์ต่อทุกท่านให้มากที่สุด เนื่องจากเพิ่งมีโอกาสได้มาคบคุ้นกันใหม่ ๆ ก็เลยเริ่มจากเล่าที่ตัวเองก่อนว่า มีกิเลสตัวยึดอยู่นิดหนึ่ง คืออยากให้พี่น้องแต่ละท่านได้มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญเท่า ๆ กัน จึงจะเห็นว่า ในหลาย ๆ ช่วงเวลาที่อีกท่านไม่ค่อยได้พูด เราจะพยายามชงให้อีกท่านได้พูดด้วยเสมอ สลับกันไปมา
แต่พอเราพูดในส่วนของเราไป พี่น้องท่านอื่นก็เปิดใจพูดบอกกันแบบตรง ๆ มาด้วยเช่นกัน และต่างก็เคารพกัน ไม่ถือสากัน และพร้อมไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่พร่องที่ด้อยของตนเองในคราวต่อไป รู้สึกประทับใจที่พี่น้องต่างก็แม่นประเด็น ว่าสาระสำคัญของการบำเพ็ญร่วมกันคือ ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จของงาน คือการได้ใช้องค์ประกอบของงานนอกเพื่อขัดเกลางานใน บำเพ็ญไป ก็พากันลดกิเลสไป นี่แหละคือความสำเร็จของงานที่แท้จริง
จากนั้นพี่น้องต่างก็ได้ปวารณากันเอาไว้ด้วยว่า หากเห็นว่าตนมีการประมาณในการคิด พูด ทำ ที่ไม่พอเหมาะควร ให้พี่น้องช่วยบอกช่วยชี้ขุมทรัพย์กันได้เลย นี่คือความเจริญ คือคุณค่า คือรางวัลของนักบำเพ็ญที่ควรได้รับจริง ๆ
ซึ่งก็ตรงกับที่ทีมคุรุได้ให้แนวทางในการวัดผลของการบำเพ็ญร่วมกันกับพี่น้องในกิจกรรมกลุ่มต่าง ๆ เอาไว้ ว่ากิจกรรมนั้น สิ่งนั้น ควรหรือไม่ควรทำต่อ คือหากกิจกรรมไหน สิ่งไหน ที่ทำไปแล้ว พี่น้องในหมู่กลุ่มกิเลสลดลง รักใคร่สามัคคีกัน ไม่เพ่งโทษถือสากัน เคารพศรัทธาในส่วนดี เมตตาอุเบกขาในส่วนด้อยส่วนพร่องของกันและกัน (ตามที่อาจารย์หมอเขียวท่านสอนจิตอาสาเสมอ) แบบนี้เจริญ ควรทำต่อไป แต่หากกิจกรรมไหน สิ่งไหน ทำไปแล้ว พี่น้องในหมู่กลุ่ม กิเลส อัตตาโต หลงตัวหลงตน ไม่เคารพศรัทธากัน แตกร้าวกัน เพ่งโทษถือสากัน แบบนี้ไม่ดี ต่อให้กิจกรรมนั้นดีหรือมีประโยชน์แค่ไหน ก็ไม่ควรทำต่อ
ณ ปัจจุบันนี้ กิจกรรมที่เราบำเพ็ญร่วมกันอยู่ นับว่ายังก่อให้เกิดความเจริญ ที่เป็นทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอยู่ ดังนั้นก็ยังควรทำต่อไปอยู่ แต่ทุกอย่างก็ไม่เที่ยง ก็วัดผลกันเป็นคราว ๆ ไป
ท้ายนี้ ก็ขออนุโมทนาพี่น้องทั้ง 3 ท่าน ในความมีน้ำใจ เสียสละเวลามาร่วมกันบำเพ็ญเอาภาระ แบ่งปันความรู้ความสามารถที่มีให้กับพี่น้องให้ได้รับประโยชน์ สาธุ…