Skip to content

มรณสติ : โยธกา รือเซ็นแบร์ก

มรณสติ : โยธกา รือเซ็นแบร์ก (แจ้งศีล)

สังกัดสวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ


บทสรุปชีวิต

ข้าพเจ้าเกิดในครอบครัวชาวนาฐานะยากจน พ่อแม่เป็นคนขยันอดทน แม่ไม่ค่อยพูดเป็นลูกคนโตมีน้องอีก 3 คน วัยเด็กไม่มีเพื่อนไม่ค่อยยิ้ม จบประถมปลาย
อายุ 19 ปีหนุ่มบ้านใกล้ ๆ มาสู่ขอความที่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กยังไม่จักความรัก ไม่ได้คิดอะไรมาก บอกแล้วแต่พ่อแม่ ท่านก็ตอบตกลง พูดจากันเป็นที่เรียบร้อยแต่พอข้าพเจ้ามาคิดทบทวนเรา อายุยังน้อย ยังไม่ได้เรียนรู้โลกภายนอกจึงไม่อยากจะแต่งงานทำให้พ่อแม่เสียคำพูด พ่อเสียใจมากเพราะว่าเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันทำให้มองหน้าไม่ติด ข้าพเจ้ามีปัญหากับพ่อแรงมากจึงไปทำงานที่กรุงเทพฯเพราะหนีปัญหาและไม่เคยคิดอยากจะแต่งงาน และมีลูก

พ.ศ 2540 ข้าพเจ้าก็ได้มาแต่งงานกับชาวเยอรมัน ความที่แตกต่างทั้งภาษาและประเพณีจึงพูดกันไม่ค่อยเข้าใจแต่พ่อบ้านก็อดทน และสอนให้เรียนรู้ในชีวิตต่างแดนคือต้องพึ่งตนเอง ที่อยู่เมืองไม่เคยทำเลย ปรับตัวถึง 2 ปี มีแต่ความทุกข์ ความเครียด พ่อบ้านเป็นคนดี 2 ปีต่อมาก็มีลูกชายความทุกข์ก็เพิ่มขึ้น พ่อบ้านก็เลี้ยงดูดี แต่ข้าพเจ้าก็อยากได้อยากมีมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความเครียด นอนไม่ค่อยหลับ ก็เข้าวัดฟังธรรมปฏิบัติธรรม ไปอยู่วัดก็สงบใจสบายใจชั่วคราวกลับมาก็ทุกข์อีก ไม่อยากอยู่แต่ก็หนีไปไม่ได้คิดจะหนีทุกวัน ความคิดมีแต่ความทางลบอยากตายไม่อยากอยู่ แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองทำแบบซังกะตาย ใจกับกายอยู่คนละที่ และเคยป่วยลำไส้ทานข้าว- ทานน้ำไม่ได้ หลายวัน คิดว่าตัวเองไม่รอดแน่นอน ขณะที่นอนป่วยก็ได้เห็นความทรมาน เป็นอย่างไร หลังจากหายป่วย พยายามระลึกถึงความตาย ตัวเอง คนใกล้ชิด แม่ น้อง ทุก ๆ วัน แต่ก็ยังทำได้ไม่ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณจริง ๆ ก็จะขอพากเพียรต่อไป

เป้าหมายหรือความคาดหวังในชีวิต

พากเพียรทำความดี กายภายนอกก็ทำหน้าที่ของชีวิตคนคู่ และหน้าที่ของแม่ ให้ดีที่สุดเพื่อชดใช้วิบากกรรม และพร้อมกับปฏิบัติธรรมภายในใจไปด้วยโดยไม่คิดหนีหนี้กรรมเหมือนแต่ก่อน และพยายามความล้างชอบชัง ละ ลด เลิกกิเลส หยาบ กลาง ละเอียดให้ได้ตามลำดับ (ไม่เอาอะไร)
เผื่อในบางครั้ง บางคราวที่ข้าพเจ้าจะมีโอกาสได้ไปในแดนบุญเยี่ยมกราบพ่อครูโพธิรักษ์ ท่านอาจารย์หมอเขียวและพี่น้องทางธรรม จึงจะพยายามพากเพียรสะสมความดีไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดวิบากคนคู่
ขอตั้งจิตถ้าได้เกิดใหม่ขอให้ได้พบพระศาสนา พระพุทธเจ้า ท่านพ่อครูโพธิรักษ์ ท่านอาจารย์หมอเขียว และพี่น้องมิตรดีทุกชาติไป

สิ่งที่ต้องรับผิดชอบในปัจจุบันที่ยังกังวล เป็นห่วง หนักใจอยู่

ยังหนักใจเรื่องลูก ที่ยังไม่รู้จักคำว่าทุกข์เป็นอย่างไร ทั้งที่รู้เป็นวิบากกรรมของเรา ของใคร ก็ยังไม่หมดห่วงเสียทีเดียวแต่ก็จะทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด

ฝากถึงคนข้างหลัง

ถึงลูก -หลาน ๆ พี่น้องทางโลกพี่น้องธรรมชีวิตคนเรา ไม่แน่นอน ความตายหายใจรดต้นคอ สุดท้ายทุกคนก็ไปที่เดียวกันในขณะที่มีชีวิตอยู่ควรจะรีบทำความดีให้มาก ๆ สะสมความดีชำระกิเลส มีศีล มีธรรม อย่าเบียดเบียนกันและกัน ทำสิ่งดีก็ได้รับสิ่งดีทำชั่วก็ได้รับความชั่ว อย่าผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เลย รีบทำตั้งแต่เสียวันนี้ก่อนที่จะสายไปขณะที่ร่างกายยังแข็งแรง เจริญสติ เจริญภาวนาอยู่กับปัจจุบัน สมบัติพัสถานก็เอาไปไม่ได้ต้องทิ้งทั้งหมด นอกจากคุณงามความดีของเราเท่านั้นที่ติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ

พินัยกรรม

กราบขอบพระคุณพ่อ แม่ น้อง ๆ พ่อบ้าน ลูกชาย และหลานๆญาติ ๆ ทั้งหลายที่อดทน อดกลั้นและให้อภัยต่อข้าพเจ้าเสมอมา กราบขอบคุณที่ได้เกิดร่วมวิบากดีร้ายด้วยกัน กราบขอโทษ ขออภัย ขออโหสิกรรมต่อทุก ๆ ท่านที่เคยล่วงเกินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ข้าพเจ้าไม่มีสมบัติอะไร นอกจากที่ดินที่พ่อ-แม่ยกให้ และเงินสะสมนิดหน่อย ถ้าตายในเยอรมันก็ให้พ่อบ้านอัคคิม /ลูกชาย ดัสติน รือเซ็นแบร์ก จัดการงานศพ ถ้าตายที่เมืองไทยนางสาว ขวัญจิต เฟื่องฟู เป็นผู้จัดการ ทั้งหมด ให้ทำแบบเรียบง่าย
##หมายเหตุ## ถ้าป่วยเกินเยียวยา *ไม่อนุญาต *ให้ใส่สายอะไรทั้งสิ้น
ขณะที่เขียน ข้าพเจ้ามีสุขภาพแข็งแรงดี และ มีสติ สัมปชัญญะครบถ้วน
ข้าพเจ้าเขียนด้วยลายมือเอง
โยธกา รือเซ็นแบร์ก (เดือน)แจ้งศีล
Yothga Rüsenberg








Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *