เสพกิเลสโลกีย์ : พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
สิ่งไม่ดีไม่มีกุศลที่มีในจิตใจต้องเอาออกไปให้เร็วที่สุดอย่าปล่อยให้มันอยู่เนิ่นนาน การปฏิบัติธรรมยิ่งตัดรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ได้มากเข้า ๆ ก็ยิ่งเบาสบาย
รายการพุทธชีวศีลป์ ตามหนังสือประวัติท่านพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ช่วงเวลาที่ประมาณ 10- 30 นาที
สิ่งไม่ดีไม่มีกุศลที่มีในจิตใจต้องเอาออกไปให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้มันอยู่เนิ่นนาน
การปฏิบัติธรรมยิ่งตัดรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ได้มากเข้า ๆ ก็ยิ่งเบาสบาย
พ้นภาระ ทรัพย์สินก็ให้ง่ายไม่ติดไม่ยึด แจกได้สบาย
เพราะเห็นชัดแล้วว่าความดีความประเสริฐของมนุษย์เป็นอย่างไร
นั่นคือการให้ และการหมดความอยากมาบำรุงบำเรอตน
ถ้ายังทำงานอยู่ในทางโลกต่อไปก็จะวนเวียนอยู่ในทางโลกโดยไม่มีที่สิ้นสุดวันแล้ววันเล่า และก็เป็นทาสโลกีย์ช่วยคนให้หลุดพ้นทุกข์จากโลกีย์ไม่ได้ คนในทางโลกเขาไม่มีทางหมดอัตตากันเลย และเขาก็หลงในสิ่งที่เขาหลงอยากจะเอา อยากจะได้อยากจะเป็น มีให้ได้มาก ๆ อยู่อย่างไม่รู้ลดไม่รู้ละก็ต้องเสพสุขเสพทุกข์หมุนเวียนอยู่ในโลกอันเป็นโลกียรมณ์หรือโลกียรสไม่หลุดพ้นเข้าสู่โลกุตระกันได้ การมารู้ทางธรรมโดยเฉพาะโลกุตรธรรมนี้สิสำคัญละกิเลสตัณหาได้แล้วสบายวิมุตเป็นอย่างนี้หนอ ดีอย่างนี้หนอ ยิ่งได้ธรรมะยิ่งเห็นแจ้งว่าคนเสื่อมจากศาสนา พอปฏิบัติธรรมมาก ๆ ขึ้นก็เริ่มจะเห็นชัดว่าชีวิตคนก็เท่านั้น ต่างดิ้นรนเพื่อต้องการเสพโลกียสุขเพื่อมาบำเรออัตตาและเสพสุขบำเรอกามคุณ 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) เมื่อได้เสพสมต่างก็รู้หลงว่าเป็นสุขจริง ๆ และมีโลกมีสวรรค์มีนรกอยู่ในโลกปุถุชนไปจนนิรันดร ชีวิตอย่างนั้นก็อย่างนั้นเอง ไม่เห็นมีอะไรเป็นคุณค่าประเสริฐถาวรจริงเลย ท่านบอกกับตัวเองว่าชีวิตขอยกให้กับธรรมะให้กับศาสนา
จากข้อความดังกล่าวข้างต้นของท่านพ่อครู ผู้เขียนได้น้อมนำกลับเข้ามาพิจารณาในตัวของตัวเองพบว่าชีวิตตั้งแต่เกิดมาจำความได้เห็นสภาพครอบครัวคือพ่อกับแม่ท่านก็จะทำกิจวัตรประจำวันของท่านอย่างนั้นอยู่ซ้ำกันไปแทบจะเหมือนกันทุกวัน ตื่นแต่เช้าเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันพ่อก็ออกไปทำนาทำสวนตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ส่วนแม่ก็เข้าครัวทำกับข้าวหุงหาอาหารเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่พระยังไม่ลั่นระฆังเพื่อเป็นสัญญาณของการออกบิณฑบาตร ท่านทั้งทำงานหนักมาก ท่านพูดกับลูกเสมอว่าทำงานหนักขยันทำงานพวกเราจะได้มีได้กินไม่อดไม่อยาก ไม่ต้องไปเป็นภาระให้ใคร ที่พ่อแม่ทำงานหนักก็เพื่อลูก จะได้มีเงินเรียนหนังสือและเพื่อเป็นทรัพย์สมบัติไว้ให้เวลาไม่มีพ่อแม่
คำพูดของพ่อแม่ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วผู้เขียนยังจำได้ไม่ลืมเมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การเป็นชาวพุทธแบบโลกุตระจึงพบว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พ่อแม่ได้หามาไว้ให้นั้นมันมีมากเหลือเกินมากเกินไปสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ (ท่านอื่นอาจจะคิดเห็นต่าง) ยิ่งมาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และพอเพียงจากท่านอาจารย์หมอเขียว และพี่น้องชุมชนอโศก ยิ่งทำให้รู้ว่าชีวิตแท้ที่จริงแล้ว ไม่ต้องแสวงหาทรัพย์สมบัติอะไรไว้มากเลย หาแค่เพียงได้ประทังชีวิตเพื่อให้ได้ทำความดี ที่เหลือก็แจกจ่าย และเก็บไว้เพียงเล็กน้อยไม่เบียดเบียนตัวเองก็เท่านั้นเอง เหมือนที่ท่านพ่อครูท่านเทศน์ไว้ว่า ชีวิตต่างดิ้นรนเพื่อต้องการเสพโลกียสุขเพื่อบำรุงบำเรออัตตาตัวเองจริง ๆ ทุกอย่างที่เราแสวงหาและอยากได้มาก็เพื่อสนองกามคุณ 5 นี่เองเห็นเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ ก็อยากได้มาเป็นเจ้าของ คนเดินผ่านแล้วได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาฉีด ที่หอมยวนจมูกก็รีบแจ้น..ไปซื้อมาครอบครองเป็นของตัวเอง มีความสุขและพอใจมากเมื่อได้สิ่งเหล่านั้นมาแต่พอผ่านไปไม่กี่เดือนก็เริ่มเบื่ออยากได้สิ่งใหม่อีก มันไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ ไอ้เจ้าตัวกิเลสนี่ยิ่งถ้าตัวผู้เขียนไม่ได้มาเจอท่านอาจารย์หมอเขียวและท่านพ่อครูป่านนี้ไม่รู้จะไปหลงโลกีย์อยู่แถบขั้วโลกไหนก็ไม่รู้
ธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรม ถ้าคนที่ไม่มีกุศลมากพอ
หรือไม่มีบุญบารมีที่เคยทำไว้ ก่อนจะไม่สามารถเข้าถึงได้เลย
ตัวผู้เขียนเองคงมีกุศลผลบุญที่เคยกระทำไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน เกิดมาชาตินี้ถึงได้มาเจอธรรมะที่ถูกตรงเมื่ออายุ เกือบจะ 50 ปีและยังได้มีโอกาสพาคุณพ่อกับคุณแม่เข้ามาศึกษาด้วยกัน ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่อย่างน้อยท่านก็ได้รับรู้ก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปแล้วว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมหรือธรรมะแท้เป็นเช่นไร
รายการ พุทธชีวศีลป์ ฟังแล้วได้ข้อคิดและคติธรรมสำหรับนำมาปฎิบัติในการดำเนินชีวิต กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้อนุญาตให้ลูกได้ทำการบ้านข้อนี้ได้สำเร็จลุล่วงจบลงด้วยดี หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ใน ณ ที่นี้