สภาวธรรม สอบวิชา Content Admin : นักศึกษาวิชชาราม
เป้าหมายของการสอบของทางโลก เขาก็จะอยากได้คะแนนเยอะ ๆ จะเอาคะแนนท็อป แต่สำหรับนักศึกษาของสถาบันวิชชารามเรา จะเน้นที่ความผาสุกเป็นหลัก คนที่ไม่ทุกข์ไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไร นั่นแหละคือคนเก่ง นั่นแหละคือสอบผ่าน เราก็มาเป็นพลังร่วมกันในการแชร์สภาวธรรม เราจะเอาองค์ประกอบทางโลกนี่แหละ ไปใช้ให้เกิดองค์ประกอบทางธรรมต่อไป (ตามแนวทางคำสอนอาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน)
กิจกรรม วิชา Content Admin ครั้งที่ 13
กิจกรรมสัปดาห์นี้มีดังนี้
- ตวรจภาพประกอบการบ้านนักศึกษา
- คุรุอัพเดทข้อมูล เรื่อง การอัพเกรดการทำหน้าที่แอดมินของนักศึกษา
- สอบเก็บคะแนนไตรมาสแรกของคลาสเรียนวิชา Content Admin
- สรุปใจ สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนสภาวธรรม
ภาพประกอบงาน
ภาพประกอบ 95 % นักศึกษาทำออกมาได้ดี มี error เพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหากันได้ดี
ปรับบทบาท Admin จาก Contributor เป็น Author
ปรับบทบาท Admin ฝึกหัด จาก Contributor เป็น Author ต่อไปนี้ นักศึกษาสามารถเผยแพร่งานเองได้เลยซึ่งส่งผลให้นักศึกษาได้บำเพ็ญมากขึ้น ได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในกลุ่มมากขึ้น เช่น ใส่รูปเอง ใส่ Permalink เอง และมีข้อควรระวังข้อผิดพลาดมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่รูปภาพ และอีกอย่างคือนักศึกษาจะต้องไปตรวจงานกันเองข้ามกลุ่ม จากที่ปกติคุรุจะเป็นผู้ตรวจเอง ต่อจากนี้นักศึกษาต้องตรวจกันเอง
สอบเก็บคะแนนไตรมาสแรก
ครั้งนี้เป็นการสอบครั้งแรกของ วิชา Content Admin โดยธงในการสอบครั้งนี้คือ การใช้หลักของอปริหานิยธรรม 7 และเป็นการสอบผ่านระบบ Google form เป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกว่าเป็นการสอบที่ทันสมัยและไฮเทคสุด ๆ สำหรับการสอบของสถาบันวิชชาราม สามารถทราบผลสอบกันสด ๆ ทันที ภายในคลาสเรียนกันเลยทีเดียว เห็นบรรยากาศการสอบของพี่น้องนักเรียนในวันนี้แล้ว รู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกหายเหนื่อยแทนคุรุแต่ละท่านเลย นี่คือผลจากที่คุรุแต่ละท่านต่างก็ได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและแรงปัญญาความสามารถของท่านอย่างเต็มที่เต็มแรงในการจัดให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนคลาสนี้ขึ้นมา วันนี้มรรคผลปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้ว บรรลุเป้าหมายแล้ว คือการที่ลูกศิษย์แต่ละท่านต่างก็มีความเบิกบานยินดีและสนุกสนานกันถ้วนหน้ากับการสอบในครั้งนี้มาก
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการสอบครั้งแรกที่รู้สึกไม่เครียดเลย สบาย ๆ และสนุกสนานมากในการทำข้อสอบ เพราะเรื่องที่สอบเป็นสิ่งที่ปฏิบัติในชีวิตจริงกันอยู่แล้ว และอยากให้มีการสอบแบบนี้อีก ที่สำคัญคือ ในข้อสอบที่เป็นส่วนของสภาวธรรมนี่ คะแนนเต็มกันหมดเลย คือแต่ละท่านจะแม่นประเด็น ไม่เขว ไม่หลงทาง ว่า เป้าหมายของการมาเรียนคืออะไร เพื่ออะไร (คุรุบอกว่า อาจารย์หมอเขียวสอนมาดี)
ยิ่งคุรุท่านพูดสำทับอีกว่า การสอบเป็นเพียงยันต์พิธีเท่านั้น สาระสำคัญของการสอบไม่ได้อยู่ที่ได้คะแนนมากหรือน้อย แต่สาระสำคัญอยู่ที่ใจไร้ทุกข์ตามที่ครูบาอาจรย์สอน (อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน วิชชาธิการบดี สถาบันวิชชาราม) คนที่ไม่ทุกข์ไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไรนั่นแหละคือคนเก่ง นั่นแหละคือสอบผ่าน ยิ่งทำให้นักศึกษาต่างก็สอบด้วยความวางใจสบายใจได้มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
ข้อดีของการสอบ
ทำให้นักศึกษาได้มีผัสสะร่วม จะทำให้คุยกันรู้เรื่อง
จะช่วยให้สถาบันวิชารามมีรูปร่างเหมือนสถาบันอื่น ๆ มากขึ้น
การสอบและเนื้อส่วนหนึ่งที่เป็นเชิงเทคนิคเราจะเหมือนเขาอยู่ แต่สภาวธรรมเราจะไม่เหมือนเขา จริง ๆ เป้าประสงค์ของการทำข้อสอบของเราจะไม่เหมือนเขาอยู่ดี เขาจะเอาคะแนนเยอะ ๆ ทำให้ได้คะแนนท็อป แต่เราเอาความผาสุกเป็น มาเป็นพลังร่วมในการแชร์สภาวะธรรมกัน เราจะเอาองค์ประกอบทางโลกนี่แหละไปใช้ให้เกิดองค์ประกอบทางธรรมต่อไป
คุรุผู้เอาภาระ
- ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ | คุรุฝ่ายศิลป์
- ตรงพุทธ ทองไพบูลย์ | คุรุฝ่ายศิลป์
- ดร.วรางคณา ไตรยสุทธิ์ | คุรุพุทธพรฟ้า | รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาวิชชาราม
สภาวธรรม สอบ Content Admin
1. โยธกา รือเซ็นแบร์ก (แจ้งศีล) สวนป่านาบุญ 6 (เยอรมนี)
อังคารที่แล้วท่านคุรุบอกว่าอาทิตย์หน้ามีสอบ ฟังแล้วก็คิดว่าไม่เป็นไร ก็ตอบตามความเข้าใจตามสภาวะของเรา เพราะถ้าข้อสอบออกเกี่ยวกับงานคอม ฯ ก็ไม่รู้ แต่ก็จะทำเท่าที่ทำได้ เมื่อวานพี่น้องในกลุ่มส่งลิงก์ คลิปอปริหานิยธรรม 7 มาในห้อง ได้ฟังคลิปและได้ทบทวนอยู่หลายรอบ วันนี้สอบ ได้ล็อคเวลาไว้ไม่ทำงาน ในขณะที่เริ่มสอบก็มีลูกค้าโทรศัพท์เข้าหลายสายขอนัดเวลา และสอบถามเรื่อง Corona Test ทำให้การสอบ Content Admin ใจไม่นิ่งเท่าที่ควร แต่ก็ทำไปด้วยความยินดี คำตอบที่มีกากบาท ที่เกี่ยวแบบคอมพิวเตอร์ส่วนมากก็เดาเอา โจทย์หลายข้อสับสนอ่านแล้วตีความหมายของคำถามผิด ทำเสร็จมาอ่านทวนคำถามใหม่แล้ว รู้ตัวว่าเราตอบผิด แต่ก็พอใจได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ทำไปจนถึงข้อสุดท้ายเกือบจะเสร็จมือไปกดตัวไหนไม่รู้ ข้อความที่เขียนสอบหายไปเลย
ขออนุญาตท่านคุรุ ทำข้อสอบใหม่ได้ เห็นใจตัวเอง ยังไม่นิ่งพอที่จะทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน ท่านคุรุทำข้อสอบแบบนี้ ถูกใจมากที่ไม่ต้องมาเขียนมาก แค่กากบาทและมีคำถามที่คำตอบ 2 ข้อเขียนที่เราต้องการเท่านั้น สภาวธรรมของเรา แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เป็นการสอบครั้งแรกที่สนุกสนานไม่เครียดมีแต่ความยินดี และเป็นโอกาสดีที่ได้มาเข้าร่วมสอบกับพี่น้องโดยเฉพาะเห็นใจตัวตอนที่จะส่งข้อสอบแล้วข้อความหายไป ก็เห็นใจวาบมาเริ่มต้นใหม่อีกรอบ แต่ก็ดีที่ได้ทำใหม่ ท่านคุรุเฉลยข้อสอบก็รู้อยู่แก่ใจ เราไม่น่าจะได้เพราะว่าเดาเอา ยินดีและพอใจ กับคะแนนที่ได้ และความรู้สึกขณะที่สอบ กราบอนุโมทนาคุรุกับพี่น้องทุกๆท่านค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ
2. อรวิภา กริฟฟิธส์ (ออสเตรเลีย)
สภาวธรรมจากการเข้าสอบกับพี่น้อง Content Admin เมื่อคืนนี้ก็รู้ว่าจะมีการสอบแต่ไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แต่ก็ได้ทำใจว่าสอบ ๆ ไปเถอะ แต่พอสอบก็มีความรู้สึกว่าก็คุ้นนะแต่ก็สับสนอยู่ พอตอนคุรุเฉลยข้อสอบ ข้อไหนที่ตัวเองผิด มันมีเสียงสองเกิดขึ้นมาในหัวว่า ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เพราะว่าข้อที่ถูกคือตัวเองจะเลือกแล้วไม่เลือกก็กำลังคิดหาวิธีจะเอากิเลสตัวนี้ลง ตัวหลงตัวหลงตน กะว่าพอคุรุตรวจข้อสอบเสร็จจะเอามาเปิดเผยให้พี่น้องช่วยเมตตาให้สัมมาทิฏฐิ แต่วิบากไม่หมด เน็ตหลุด รีเซ็ตเครื่องใหม่ก็ไม่ทำงาน ในที่สุดก็เลยตัดสินใจเข้านอน เทพมาตาลีเทพสารถีคงอยากให้พักผ่อนแต่วัน ก็เลยเข้านอน ก่อนนอนก็คิดถึงบททบทวนธรรม บทนี้คือ
เก่งแค่ไหนที่ว่าแน่ ก็แพ้วิบากร้าย
ร้ายแค่ไหนที่ว่าแน่ ก็แพ้วิบากดี
วิบากดีที่แน่แท้ ที่ดีที่สุด คือ ใจไร้ทุกข์ ใจดีงาม
และ แก้ไขปัญหาง่ายนิดเดียว อันไหน แก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้ ก็เท่านั้นเอง ก็เข้านอนด้วยใจเป็นสุขค่ะ สาธุค่ะ
3. ขวัญจิต เฟื่องฟู (สร้างสงบ) | สังกัด สวนป่านาบุญ 6 (เยอรมนี)
เป็นการสอบครั้งเเรกที่ตัวเองไม่เครียดมาก ถ้าเทียบการสอบกับหลายครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้รู้สึกว่าตัวเองทำเเบบสบาย ๆ ตอนเเรกก็ยังหวั่น ๆ อยู่ ว่าตัวเองจะทำได้ไหมนี่ ? ยิ่งพอพี่น้องพูดโอ้ ! เห็นใจมันชะงักเหมือนกัน เเต่ก็บอกตัวเอง เรายังไม่เห็นไม่ได้ดูได้เห็นเลย ทำก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน พอเปิดอ่านทำข้อเเรก เอ้อเป็นอย่างพี่น้องพูดจริง ๆ ด้วย เเต่ก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ทำอยู่เป็นประจำเเต่กลับจำไม่ได้ ได้นั่งทบทวนคิดว่า คำตอบคืออันไหนหนอ พอทำข้อสอบใกล้เสร็จ พี่น้องที่ท่านทำเสร็จเล้ว ท่านคุยกัน เห็นใจตัวเองมีตะหงิด ๆ ขึ้นมาว่าอยากทำเงียบ ๆ พอนึกได้ว่า สมัยเป็นนักเรียนเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สอบเสร็จเเล้ว ชอบมาคุยอยู่หน้าห้อง เลยยินดีที่ได้ใช้วิบากนี้ พอคิดได้ความที่ใจตะหงิด ๆ ก็หายไป
เห็นตัวเองดีใจที่ทำคะเเนนได้ดี อยากให้คุรุมีการจัดสอบเเบบนี้อีก อนุโมทนาสาธุกับพี่น้องทุกท่านคะ
4. มาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (เมฆ ลม ฟ้า)
สภาวธรรมจากการเข้าสอบกับพี่น้อง แต่ก่อน แค่ได้ยินคำว่า สอบ ความเครียดก็จะบังเกิด มีอาการทางกาย ทางใจตามมา กลัว กังวล หวั่นไหว กลัวจะสอบไม่ได้คะแนนดี กลัวจะได้ที่โหล่ จิตปรุงไป คะแนนได้น้อย โน่น นี่นั่น พอคุรุแจ้งว่าจะมีการสอบ เราก็อ่านใจตัวเองว่า เรามีความกลัว กังวลอะไรไหม กลัวได้คะแนนไม่ดี ถามกิเลสกลับไปแล้วเราจะเอาคะแนนไปทำอะไร เราจะไปยึดติดกับคะแนนทำไม การสอบครั้งนี้ถือเป็นการสอบที่ไม่ได้เตรียมตัว ไม่คาดหวัง ทำใจโล่ง ๆ คะแนนคือตัวเลข เป็นสมมุติโลกเท่านั้น ยิ่งชัดเจน กับคำถามในข้อสอบข้อหนึ่งที่ว่า เหตุที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่มนั้น เกิดจากพลังวิบากดีร้ายสังเคราะห์กัน ทำให้พี่น้องมารวมตัวเป็นกลุ่มชื่อตะวัน รวงข้าวและทุ่งนา พลังวิบากสังเคราะห์กัน เราทำงานร่วมกัน ประโยชน์ที่ได้จากการทำงานคือ กะเทาะกิเลสตัวติดยึดของเราออกมา โดยมีพี่น้องในหมู่กลุ่มนี่แหละช่วยกะเทาะกิเลสให้ออกมา เช่นกัน ในการสอบครั้งนี้รู้สึกว่า คะแนนที่เราได้รับ ถือเป็นสมบัติของเรา ณ ตอนนั้น ที่ได้รับจากการสังเคราะห์ของวิบากดีและร้ายแล้ว อ่านใจตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับคะแนนที่ได้ เอาประโยชน์ให้ได้จากสิ่งที่ได้รับ ตอนแรกคุรุบอกอธิบายข้อสอบแต่ละส่วน กิเลสก็มาเป่าหูว่า เริ่มเครียดแล้ว กดดันแล้วจะทุกข์ไหม คาดหวังเยอะ ๆ นะ จะได้ทุกข์ บอกกิเลสไปว่า อย่าไปให้ความสำคัญ ถ้าไม่ให้ความสำคัญใจก็ไม่ทุกข์ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร นั่นคือ ของเรา สมบัติเรา ณ ตอนนั้น
ระหว่างที่ทำข้อสอบ ได้เห็นสภาวะอิตถีของตนเอง ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจจะตอบข้อไหนดี เอาประโยชน์ให้ได้คือ ดีแล้วที่ตอบผิด จะได้จำได้ จำแม่นมากขึ้น สังคมโลก ๆ ก็จะสอบว่า ผิดนั้นเป็นสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งด้อย แต่โลกโลกุตตระ สิ่งผิดพลาด คือเพชร คือของล้ำค่า ที่เราควรยินดี ยอมรับให้ได้ นำมาเป็นประโยชน์ให้ตนเองได้ปรับปรุง อย่างน้อย ข้อไหนผิด เราก็จะจำได้แม่นขึ้น คนเราย่อมมีสิ่งที่เราทำผิดพลาดเป็นธรรมดา ถ้าได้ทำให้ดีที่สุดแล้ว ก็ไม่เสียใจ ไม่ทุกข์อะไร
5. ปิ่น คำเพียงเพชร (มาเลเซีย)
ครั้งนี้เป็นการสอบครั้งแรกของวิชา Content Admin และเป็นการสอบผ่านระบบ Google form ซึ่งเป็นการสอบที่ทันสมัยและไฮเทคสุด ๆ สามารถทราบผลสอบกันสด ๆ ทันที ภายในคลาสเรียนกันเลยทีเดียว เห็นบรรยากาศการสอบของพี่น้องเพื่อนนักเรียนในวันนี้แล้ว รู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกหายเหนื่อยแทนคุรุแต่ละท่านเลย นี่คือผลจากที่คุรุแต่ละท่านต่างก็ได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและแรงปัญญาความสามารถของท่านอย่างเต็มที่เต็มแรงในการจัดให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนคลาสนี้ขึ้นมา วันนี้มรรคผลปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้ว บรรลุเป้าหมายแล้ว คือการที่ลูกศิษย์แต่ละคนต่างก็มีความเบิกบานยินดีและสนุกสนานกับการสอบในครั้งนี้มากและต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้มีการสอบแบบนี้อีก แล้วที่สำคัญคือ ในข้อสอบที่เป็นส่วนของสภาวธรรมนี่ คะแนนเต็มกันหมดเลย คือแต่ละท่านจะแม่นประเด็น ไม่เขวไม่หลงทาง ว่า เป้าหมายของการมาเรียนคืออะไร เพื่ออะไร
ปกติเวลาจะมีการสอบ ว.บบบ ส.วิชชาราม จะรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะวางใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเราไม่รู้เป็นส่วนใหญ่แน่นอน แต่พอคุรุบอกจะมีการสอบวิชาแอดมิน รู้สึกมีการตื่นตัวเล็กน้อย เพราะตอนนั้นยึดว่าเป็นวิชาที่เรากำลังเรียนและใช้ทำงานกันอยู่เป็นปกติ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าถ้าสอบไม่ได้นี่มันจะไม่สมศักดิ์ศรีคุรุและนักเรียน แต่พอคุรุบอกว่า การสอบของพวกเรา ไม่ต้องติว เอาสภาวะเอาความรู้เท่าที่มีตามจริง มีแบบไหนเท่าไหร่ก็ตามนั้นไปเลย ก็เลยวางใจและปิดสวิตช์เรื่องที่จะคิดไปขวนขวายหาข้อมูลหรือความรู้ใด ๆ เพิ่มเติม รวมถึงไม่ได้ไปเปิดอ่านหรือติดตามไลน์กลุ่มแล้วเราก็ไปบำเพ็ญงานอื่นต่อ จนมาทราบทีหลังว่า ที่จริงคุรุก็แจ้งข่าวอยู่ว่า ธงในการสอบในครั้งนี้เป็นเรื่องของอปริหานิยธรรม และพี่น้องก็ส่งคลิปเรื่องนี้เข้ากลุ่มเพื่อให้ได้ทบทวนกันด้วย แต่เราตกข่าวเพราะไม่ได้อ่านไลน์นั่นเอง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ใจอะไร
พอถึงช่วงสอบก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร ยิ่งพอเห็นข้อสอบยิ่งรู้สึกว่ามันชิวและสบายมาก ช่างเป็นการสอบที่รู้สึกว่าสนุกสนาน ไม่กดดันไม่เครียดเลย ยิ่งคุรุท่านพูดว่า การสอบเป็นเพียงยันต์พิธีเท่านั้น สาระสำคัญของการสอบไม่ได้อยู่ที่ได้คะแนนมากหรือน้อย แต่สาระสำคัญอยู่ที่ใจไร้ทุกข์ตามที่ครูบาอาจรย์สอน (อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน) คนที่ไม่ทุกข์ไม่ว่าผลสอบจะออกมาอย่างไรนั่นแหละคือคนเก่ง นั่นแหละคือสอบผ่าน ยิ่งทำให้สอบด้วยความวางใจสบายใจได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ก็ด้วยความที่รู้สึกว่ามันง่ายมันชิวนี่เองที่ทำให้เราประมาทและไม่รอบคอบ ในข้อสอบที่ต้องกา (ซึ่งเป็นเกือบทั้งหมดของข้อสอบทั้งหมดเลยทีเดียว) เราก็กาแบบรัว ๆ เร็ว ๆ โดยไม่พิจารณาไตร่ตรองดีดีก่อน จึงทำให้กาผิดไป ถึง 4 ข้อเลย ซึ่งเมื่อมาทบทวนคิดย้อนดูดีดีก็พบว่า แต่ละข้อนี่จริง ๆ เราไม่น่าจะผิดเลยด้วยซ้ำ เช่น ข้อที่บอกถูกทุกข้อ ตอนแรกอ่านแล้วก็เห็นว่าถูกทุกข้อแหละ แต่เราดันคิดเยอะว่าคุรุอาจจะสับขาหลอกแบบข้อสอบ ว.บบบ ก็เลยเลือกกาข้อเดียว อย่างข้อ ผัด-มะเขือยาว-มังสวิรัติ ก็เหมือนกัน ปกติเวลาทำงาน เราก็ทำแบบนี้อยู่ แต่ตอนเลือก ตอนนั้นข้อมูลในหัวล่าสุดที่คุรุบอกว่าทีมทุ่งนาซอยย่อยไปจนไม่เป็นประโยคก็เข้ามา ก็เลยเลือกกาผัดมะเขือยาว- มังสวิรัติไป ส่วนเรื่องลิงก์เข้าแอคเคาท์ถ้าไม่คิดมากมันก็ต้องเลือกที่มีคำว่าแอดมินอยู่แล้ว แต่เราก็ไปเลือกที่ไม่มีเพราะรู้สึกว่าอันที่เลือกคุ้นตามากกว่า แต่ลืมพิจารณาไปว่าที่เราคุ้นอีกอันมากกว่าเพราะเราใช้เข้าอันนี้บ่อยกว่านั่นเอง เรื่อง Heading พอรู้ว่าเลือกผิดไป ข้อมูลที่เคยเรียนกับคุรุช่วงคลาสต้น ๆ ก็ ขึ้นมาว่าอันไหนคือใหญ่สุด แต่ตอนเลือกความจำนี้มันหายไปไหนไม่รู้ อย่างนี้เป็นต้น แต่ถึงแม้ผลสอบจะออกมาได้ไม่เต็มก็ไม่รู้สึกทุกข์ใจอะไร และยังคงรู้สึกสนุกกับการสอบในครั้งนี้อยู่
ในส่วนของข้อสอบที่เป็นข้อเขียน หลักอปริหานิยธรรม 7 เนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยได้ฟังธรรมหมวดนี้จากอาจารย์เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้ทบทวนเพราะตกข่าวอย่างที่บอก ก็เลยจำชื่อข้อไม่ได้ แต่เนื้อหาของอปริหานิยธรรมมันอยู่ในชีวิตและกิจกรรมที่บำเพ็ญกับพี่น้องหมู่กลุ่มอยู่แล้ว ก็เลยตอบเป็นเชิงสภาวะไป หลังสอบมาฟังทบทวนและไปเปิดอ่านในธรรมพุทธสุดลึกย้อนหลังดู ก็พบว่าเนื้อหาที่เราเขียนลงไปก็ตรงกับหลักอปริหานิยธรรมข้อที่ 1 ซึ่งเป็นข้อที่เรารู้สึกประทับใจและได้ประโยชน์มากที่สุดนั่นเอง ส่วนคะแนนก็ให้เป็นหน้าที่ของทางทีมคุรุจะพิจารณา ไม่ว่าคะแนนจะออกมาอย่างไรก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไร
สรุปการสอบในครั้งนี้
ในส่วนของงานนอกได้เห็นข้อพร่องของตนเองเรื่องของความไม่รอบคอบ ก็พร้อมนำกลับไปปรับปรุงแก้ไขตนเองในคราวต่อไป
ในส่วนของใจ
ได้เห็นและได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังร่วมที่เป็นพลังพุทธะของพี่น้องหมู่มิตรดี ทั้งจากคุรุทุกท่านและพี่น้องนักศึกษาทุกท่าน เป็นพลังพุทธะเป็นพลังอปริหานิยธรรม (ธรรมที่เจริญอย่างเดียวไม่มีเสื่อมเลย อย่างที่อาจารย์หมอเขียวท่านได้นำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎกมาถ่ายทอดสอนสั่งเหล่าลูกศิษย์เสมอมา) ที่ครบองค์ประชุมที่สมบูรณ์และเป็นพลังที่ควบแน่นยิ่ง ๆ ขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งก็เป็นไปตามศีลและการพากเพียรลดละล้างกิเลสของตนเองเป็นหลักของทั้งทีมคุรุและพี่น้องแต่ละท่านนั่นเอง สาธุ…
อีกอย่างคือรู้สึกผิดที่พอสอบเสร็จ ก็ไปส่งเสียงคุยกันกับพี่น้องโดยคิดว่าน่าจะเป็นการผ่อนคลาย แต่พอมานึกถึงในมุมของพี่น้องที่กำลังใช้สมาธิกับการสอบอยู่ คงจะไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายไปกับเรา พอคิดได้ก็รีบปิดไมค์และมาสำนึกผิดและขอขมาพี่น้องทีหลัง
กิจกรรมนี้เป็นบุญอย่างไร
กิจกรรมนี้เป็นบุญ เพราะเป็นกิจกรรมที่ทำการงานที่ดีที่เป็นประโยชน์ร่วมกับพี่น้องหมู่มิตรดี เป็นองค์ประกอบของการขัดเกลาจิตวิญญาณให้เกิดการลดกิเลส ขณะทำก็มีความยินดีเบิกบานผาสุก
กิจกรรมนี้เป็นกุศลอย่างไร
กิจกรรมนี้เป็นกุศลเพราะเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ขณะทำก็ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ตามภูมิ
6.ณัฐพร คงประเสริฐ (ร้อยรักธรรม)
640323 จบไตรมาตรแรกในการเข้าร่วมบำเพ็ญกิจกรรม กับพี่น้องจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมในบทบาทของนักศึกษา ในงาน ช่วยลงข้อมูลในเว๊บไซต์ของสถาบันวิชชาราม เป็นห้องเรียนที่ 2 ต่อจาก ห้องเรียน การทำภาพประกอบสาระธรรม ที่เรียนและฝึกฝนมาจนปัจจุบัน 8-9 เดือนแล้ว
มีการเรียนการสอนกันมา อย่างเป็นจริงเป็นจัง อย่างเบิกบาน โดยผ่านกระบวนการกลุ่ม ที่มีทีมคุรุ สานพลังกันระดมออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้ แบบตื่นตาตื่นใจ ไม่น่าเบื่อ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอย่างแยบยล ช่วยให้ได้ประโยชน์อย่างมาก ในการฝึกฝนการทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน
สามารถนำความรู้ที่ได้มาใช้งานจริง ช่วยสร้างผลงานของหมู่กลุ่มออกมาได้จริง การทำงานในกลุ่มเป็นไปตามความถนัดความสนใจและสมัครใจ จากห้องเรียนที่ 1 พวกเราก็เหนียวแน่นเป็นปึกแผ่นไม่ยอมแยกย้ายกันไหน ยังคงรวมพลังกันในเรื่องการทำภาพประกอบสาระธรรม คำคมเพชรจากใจเพชร ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และนำเสริมหนุนให้เข้าสู่การเรียนห้องเรียนที่ 2 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซ้อนทับเข้าไปอีก
ในวันนี้ทีมคุรุมีการกำหนดสอบครั้งแรกของห้องเรียนที่ 2 – Admin ฝึกหัด ที่แจ้งไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเป็นการสอบผ่าน Google form ได้เตรียมตัวมาพอสมควร โดยทำการบ้านกลุ่มไปด้วย ระหว่างการทำงานก็เป็นการทบทวนเนื้อหาด้านเทคนิคไปด้วย ส่วนการทำงานกลุ่มได้เรียนรู้ทั้งด้านเทคนิคและการล้างกิเลสไปด้วย และยังได้ผลงานออกมา ได้สานพลังกับหมู่มิตรดี โดยใช้หลักอปริหานิยธรม 7 มาเป็นธงนำชัย
ก่อนสอบ เตรียมตัวสอบแบบสบาย ๆ เบิกบาน ไม่มีความกังวลใด ๆ เกิดขึ้น ส่งข้อมูลเนื้อหาจากคุรุที่เกี่ยวข้อง เข้าในกลุ่ม
ขณะสอบ เมื่อได้รับ Link URL ทาง ช่อง Chat ของห้องซูมแล้วก็คลิกเข้าไปจะพบหน้าจอใหม่ ของ Google form ซึ่งคุ้นเคยดีจากการเข้าไปทำการบ้านในเว็ปไซด์ สถาบันวิชชาราม บ่อย ๆ ก็เริ่มสอบพร้อม ๆ กัน มีเวลาสอบ 30 นาที ข้อสอบ ปรนัย มีช้อยส์ให้เลือกทั้งหมด 34 ข้อ อัตนัย 2 ข้อ ภายนอกดูเงียบสงบ พออ่านคำสั่งหน้าแรก กิเลสตัวกลัวความผิดพลาด ก็เริ่มทำงาน มีอาการวิตกกังวลเกิดขึ้นว่า นี่เป็นการสอบครั้งแรกนะ งานทำเว็ปเป็นงานละเอียด ต้องรอบคอบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ให้พลาด เพราะพลาดแล้วมาตามแก้งานจะยากกว่า
คุรุน่าจะออกข้อสอบที่สะท้อนการทำงานนี้ ตั้งแต่คำสั่งแน่ ๆ เลย (คิดได้ยังไง) กิเลสสั่งให้กลับไปอ่านใหม่ ก็รู้ว่าเป็นกิเลสโผล่มานะ ก็เริ่มตรวจใจ ดูแว้บหนึ่ง กิเลสตัวรีบเร่งใจร้อน ก็ฉวยโอกาสโผล่มาขอแจม รีบไปทำได้แล้ว เร็วเข้า!! เพราะไม่มีเวลาคุยกับกิเลสตัวแรกนาน ใจจดจ่ออยู่กับการทำข้อสอบ ต้องทำข้อสอบ แล้วก็ล้างตัวกลัวความผิดพลาดออกไปได้ส่วนนึง และพิจารณาว่ากลับไปอ่านใหม่ก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า จึงกลับไปอ่านคำสั่งอีก พอทำข้อสอบช้อยส์ไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วถึงส่วนที่เป็นคำถามให้ตอบถูกหรือผิด กิเลสตัวแรกก็โผล่มาอีก สั่งให้เราอ่านให้ดี ๆ นะ คุรุฝึกให้ละเอียด รอบคอบนะ ทีนี้ยิ้มเลย วางการทำข้อสอบแล้วตั้งใจคุยกับกิเลสให้รู้เรื่อง ฉันฝึกอยู่กับความพร่อง ความพลาดมาบ่อยจนจำเธอได้แม่นแล้ว ไปซะ กิเลสสลายไป กลับมาทำข้อสอบอย่างเบิกบาน และ ผาสุก ทำเสร็จก็ส่งเป็นคนที่ 3
หลังสอบเสร็จ ระบบนี้ส่งแล้วรู้คะแนนที่ได้ทันที ก่อนดูคะแนนคุรุให้ตั้งสติ ก็สำรวจว่าใจ เป็นอย่างไร พบว่าสบาย ๆ ไม่ได้หวังผลอะไร ไม่ให้ความสำคัญกับคะแนน กิจเราเสร็จแล้ว ทำเต็มที่แล้ว ก็ผาสุกได้แล้ว เราโชคดีมากแล้วที่ได้มารวมหมู่รวมกลุ่มกับหมู่มิตรดี ผลจะเป็นอย่างไรก็ได้ จึงหันไปดูคะแนน แบบมองผ่าน ๆ แต่ในแว็บนั้นมันมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เหมือนเวลาเราพลาดกัดโดนลิ้นตัวเองดังกึ๊ก จนต้องหยุดทุกอย่าง แล้วหันไปดูผลสอบปรนัยอีกรอบ สายตาเห็นคะแนน ใช่หรือเปล่า ตาไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม สัญญาเก่าผุดขึ้นมาทันที เพราะเป็นห้วงเวลาที่ได้ใช้วิบากมายาวนานที่สุดในชีวิต สมัยอดีตที่เคยทำงานดูแลทีมขายเพื่อรักษาแชมป์ไว้ ชีวิตมันเหนื่อยเหมือนฝูงหมากำลังวิ่งผ่านภูเขาสูงชันที่มีหิมะกำลังจะถล่ม หรือ เหมือนหมาล่าเนื้อก็ไม่ปาน แค่สัญญานี้ขึ้นมาให้ได้รู้ ก็ตั้งสติทำสัมมาทิฎฐิให้เกิด คุยกับเขาว่าเราไม่เอาอีกแล้วมันเป็นอดีต ชีวิตที่ผาสุก ง่ายกว่านั้นเยอะ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปนะ ณ ขณะปัจจุบัน คะแนนสอบมันเป็นเพียงสมมุติโลกเท่านั้น หลอกฉันไม่ได้อีกแล้ว เธอเอ๋ย
สรุปกายสรุปใจ ในการสอบครั้งนี้ เป็นประสบการณ์สอบที่ ผาสุกที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ รูปกับนามพร้อมเป็นอย่างนี้นี่เอง จะพากเพียรต่อไป
7. ชลิตา แลงค์ | สังกัด สวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ (เยอรมนี)
ตั้งแต่รู้ว่าจะมีการสอบ ของห้องเรียน Admin ก็มีความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยพอจะรู้แนวข้อสอบอยู่บ้างที่ท่านคุรุบอกมา แต่จนถึงวันสอบก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ถึงวันสอบมีอาการตื่นเต้นอยู่บ้างเล็กน้อย ครั้งนี้พวกเราจะได้สอบใน Google form รู้สึกว่าเป็นการสอบแบบ High Technology มาก ๆ เลย ขณะที่กำลังโหลดเอาข้อสอบอยู่ ได้ยินเสียงเพื่อนนักศึกษาบอกว่า “เปิดมาข้อแรกก็งงเลย” เห็นใจตัวเองหวั่นไหวเล็กน้อย พอเห็นข้อสอบข้อแรก ก็ใช่จริง ๆ ด้วย รู้สึกเหมือนเพื่อนเลย คืองงค่ะ ข้อมูลนี้จำไม่ได้เลย ทำเลื่อนไปทำข้อสอบข้ออื่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน เห็นข้อสอบที่เป็นเรื่องเทคนิค มีนึกเป็นห่วงพี่น้องในกลุ่มที่ท่านไม่ค่อยได้ลงข้อมูลว่าท่านจะทำได้รึเปล่า แต่ทำได้แค่ส่งกำลังใจช่วยท่าน ชอบข้อสอบครั้งนี้ไม่มีภาษาบาลีเลยทำได้ด้วยใจที่ผาสุขมาก อย่างน้อยก็อ่านโจทย์เข้าใจหมดส่วนจะตอบได้หรือไม่ ไม่รู้ พอถึงข้อสอบอัตนัย มีความกังวลเล็กน้อย เพราะจำข้อธรรมไม่ค่อยได้แต่ก็เขียนไปเท่าที่ทำได้ พอทำเสร็จก็กดส่ง พอกดส่งไปแล้วตกใจแว๊บนึงลืมว่าข้อ 1 เรายังไม่ได้ทำเกิดความรู้สึกเสียดายแต่โชคดีค่ะระบบ Google ถ้าเรายังไม่ได้ทำข้อสอบครบเขาจะไม่ส่ง จะขึ้นสีแดงในข้อนั้นมาเตือน ก็เลยได้ย้อนกลับไปทำข้อสอบให้ครบทุกข้อ กดส่งดูคะแนนตัวเองได้เลยดีจัง แต่เห็นข้อที่ตัวเองทำผิดมีนึกเสียดายไม่น่าตอบผิดเลย เห็นใจมันอยากให้ถูกหมดทุกข้อ มีอยากได้มากกว่าที่ควรจะได้ ตอนที่ท่านคุรุเฉยข้อสอบตอนท้าย ได้ความรู้ทางเทคนิคในงาน และธรรมะเพิ่มดีค่ะ โดยรวมแล้วเป็นการสอบที่มีความสุข สนุกสนาน เบิกบาน มาก ๆ อยากให้ท่านคุรุจัดสอบอีก สาธุค่ะ
8. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์ | สังกัด สวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ (เยอรมนี)
อยากให้มีการสอบแบบนี้บ่อย ๆ เพราะจะได้เห็นกิเลสตัวเองที่ยังเหลืออยู่ และจะได้ทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมา การสอบในครั้งนี้เป็นการสอบที่สนุก ถึงแม้ตัวเองจะมีวิบากกรรมทำให้ต้องได้เข้าสอบช้าไปเกือบ 10 นาทีก็ตาม แต่ก็ทำให้ได้เห็นกิเลสและได้ชดใช้วิบากกรรมในเวลาเดียวกันได้ประโยชน์ 2 ต่อเลยทีเดียว
ขณะทำข้อสอบตรวจเจอกิเลสของตัวเอง คือมีความมั่นใจในตัวเองจนเกินไป คือมั่นใจว่าข้อนี้ถูกก็กากบาทเลยโดยไม่ยอมอ่านช้อยส์ให้จบทั้งหมดก่อน จึงทำให้โอกาสตอบผิดมีมาก เช่น สีใดไม่ควรนำมาทำภาพประกอบอาหาร คำตอบที่ถูกต้องคือ ง. สีม่วง แต่ข้อ ข. สีแดง มาก่อนและตัวเองก็มั่นใจว่าสีแดงถูกเลยกากบาทสีแดง เป็นต้น
การออกข้อสอบและวิธีการสอบครั้งนี้เป็นการสอบที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบันเกือบทุกท่านสามารถเข้าสอบได้ และสามารถรู้ผลคะแนนได้ด้วยตัวเองไม่ยุ่งยากต่อท่านคุรุที่ต้องมาตรวจข้อสอบ และสะดวกต่อนักเรียน และที่สำคัญยังรู้ด้วยว่านักเรียนทำผิดข้อใดและที่ถูกคือข้อใด ยังสามารถแสดงผลทางสถิติให้เราได้เห็นได้ด้วย และที่สำคัญนักเรียนทุกท่านล้วนแต่มีศีลมาเรียนเพื่อที่จะลดละกิเลสด้วยกันทั้งนั้น การสอบแบบนี้ตัวเองคิดว่าเหมาะสมเพราะไม่ต้องกลัวว่านักเรียนจะเปิดตำราดูในขณะทำข้อสอบ เพราะทุกท่านก็ต้องกลัวการผิดศีลกันอยู่แล้ว
กราบขอบพระคุณคุรุทุกท่านที่ได้ออกแบบการเรียนการสอบที่ทันสมัยแบบนี้มาสอนพวกเรา และขอบพระคุณพี่น้องทุกท่านที่ได้มาสานพลังร่วมกันทำดีในครั้งนี้ค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ สาธุ
9. นฤมล ยังแช่ม | เข้มแสงศีล | สังกัด สวนป่านาบุญ 8 ภาคเหนือ
เลิกงานตอนประมาณ 16.30 น. ไปเก็บลูกหม่อนที่สวนบ้านอาจารย์ที่รู้จัก ยังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ชวนแม่ไปเดินออกกำลังกาย อยากมีกิจกรรมทำร่วมกับแม่ เพราะว่าบางวันก็กลับบ้านเย็น แต่กว่าจะเดินกลับมาถึงบ้าน ทำภารกิจส่วนตัว ทำให้เข้าห้องเรียนช้าไปเกือบ 30 นาที ใจก็กังวลนิดหน่อยว่าวันนี้จะมีสอบ แต่ในหัวก็ไม่มีอะไร เพราะว่าไม่รู้แนวข้อสอบ แต่อุ่นใจที่คุรุดิณห์พูดว่า ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่ได้บังคับ ตอนทำข้อสอบบางข้อเรามีตัวเลือกในใจที่มันตัดสินใจได้ยาก ไม่แน่ใจ เพราะเราเข้าไปทำงานแต่ไม่ได้ดูรายละเอียดว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร ขาดความละเอียดและรอบคอบ ซึ่งเป็นข้อพร่องที่เราต้องแก้ไข มีตัวเลือก 2 ตัวที่เราจะต้องตัดสินใจว่าเลือกอันไหนที่ถูกที่สุด สุดท้ายก็เลือกไปแล้ว ช่วงข้อสอบสภาวะรู้สึกทำได้ ส่วนข้อสอบปรนัย อปริหานิยธรรม ฟังอาจารย์บรรยายหลายครั้ง แต่ก็จำได้ไม่แม่น เลยลองเขียนไปตามความจำที่เหลืออยู่ ซึ่งจริงๆแล้วคุรุก็ได้บอกในห้อง admin ว่าจะมีข้อสอบอปริหานิยธรรมด้วย แต่เราไม่ได้อ่าน มีกิเลสตัวเสียดายและตัวโลภ ว่าถ้าเราได้อ่านเราน่าจะเขียนคำตอบได้มากกว่านี้นะ
สุดท้ายตอนทำข้อสอบเสร็จแล้วได้คะแนน 29 น่าจะผ่านนะ พอฟังคุรุเฉลยข้อสอบ ข้อที่เราทำแล้วไม่มั่นใจในตัวเลือกสุดท้ายเลือกผิดจริงๆ ด้วย อาจารย์บอกว่าข้อที่เราทำผิดนี้แหละจะทำให้เราจำได้ดี ขอบคุณที่ทำผิด
กราบขอบพระคุณอาจารย์ คุรุทุกท่าน นักเรียนทุกท่าน ที่ให้โอกาสได้บำเพ็ญค่ะ สาธุค่ะ
10. บัณฑิตา โฟกท์ | มุกแสงธรรม รู้แก่นศีล | สังกัดสวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ (เยอรมนี)
ก่อนสอบ มีความยินดี น่าสนใจ สนุกคึกคักที่จะได้สอบ ตั้งความเคารพและศรัทธาต่อสถาบัน ครูบาอาจารย์ คุรุ และพี่น้องร่วมอุดมการณ์นำหน้าเป็นธงชัยไปก่อน ความรู้ก็เท่าที่ได้เรียนรู้ตามคุรุและพี่น้องนี่แหละ (จำได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละ)
ขณะสอบ เป็นการสอบที่ทันสมัยมากทำในระบบ Google form นึกชื่นชมคุรุอยู่ในใจว่ามีคุรุ high tech เป็นพลังเหนี่ยวนำทำให้ลูกศิษย์รู้สึก high tech ตามไปด้วย
เจอข้อสอบที่เราไม่รู้ และมีใจแว๊บไปนึก เห็นใจพี่น้องในกลุ่มที่ท่านไม่ได้บำเพ็ญด้านเทคนิค แต่ก็วางใจว่าท่านคงจะเดาเอา เหมือนเราก็เดาเหมือนกัน และขณะตัดสินใจจะเดานั้นมีทุกข์ใจอะไรไหม (ท่านอาจารย์หมอเขียวสอนไว้ จึงได้ระลึกถึงและทำตามทันที) ก็ไม่มีทุกข์ใจอะไร แม้จะเดาถูกหรือจะเดาผิดก็เคารพและศรัทธาในตัวเองว่าข้อนี้เราไม่รู้ หรือจำไม่ได้จริง ๆ (เราจะรักษาศีลคือไม่ทุกข์ใจ แม้จะทำข้อสอบไม่ถูกสักข้อ) ในช่วงทำข้อสอบอัตนัยสองข้อสุดท้าย พี่น้องหลายท่านทำข้อสอบเสร็จแล้ว พูดคุยเซ็งแซ่อบอวล รบกวนสมาธิพอสมควร เราจึงหายใจเข้า ลึก ๆ สงบใจเพื่อรวบรวมสติ และสมาธิให้อยู่กับเนื้อกับตัวประมาณสองสามนาทีก็สงบใจได้ ระลึกถึงเมื่อตอนเป็นเด็กที่เราสอบเสร็จก่อนเพื่อนแล้วมาคุยกันหน้าห้องสอบโดยลืมนึกคิดว่า ไปรบกวนเพื่อนที่สอบอยู่ จนคุณครูได้ออกมาเอ็ดตะโรว่าให้ ตอนนี้เราก็ได้รับวิบากนี้แล้วเต็มใจรับเต็มใจให้หมดไป นึกถึงคำสอนครูบาอาจารย์ที่กล่าวว่า “บัณฑิตมีความ ไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง” เจริญอภัยไม่ถือสาพี่น้อง สักพัก คุรุก็ได้บอกพี่น้องให้เงียบ ๆ หน่อยมีพี่น้องยังสอบไม่เสร็จอยู่ เสียงพี่น้องที่คุยกันก็เงียบสงบลง
เราก็เขียนคำตอบได้ด้วยใจที่เบิกบานตามที่เรานึกได้ ณ เวลานั้นลื่นไหลดี และ เลื่อนตรวจข้อบสอบดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะกดส่งข้อสอบ
หลังสอบ กดส่งข้อสอบ ได้รู้คำตอบเลยว่าเราได้กี่คะแนนและทำผิดข้อใดบ้าง ซึ่งเราก็วางใจในคะแนนแล้วตั้งแต่ก่อนสอบจะได้กี่คะแนนก็ตาม เมื่อเจอว่ามีคำตอบที่เราเข้าใจผิดคืออ่านคำถามไม่ละเอียดถี่ถ้วนเอง ก็ระลึกถึงวิบากกรรมที่ ก่อนสอบขณะคุรุอธิบายเนื้อหางานแอดมินเพิ่มเติมนั้น เราได้ทำงานลงบทความการบ้านพี่น้องไปด้วย ใจตอนนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่เราไม่ค่อยตั้งใจฟังคุรุเท่าที่ควร จึงสำนึกผิดและได้หยุดการลงบทความหันมาตั้งใจฟังคุรุ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ได้รับวิบากกรรมคือ มีเหตุดลใจไม่ให้อ่านคำถามให้ละเอียดถี่ถ้วน เหมือน ๆ จะมีอะไรกั้น ๆ ไว้ จึงได้สารภาพผิด สำนึกผิดขอขมาต่อคุรุและพี่น้องหมู่กลุ่ม จะสำรวมสังวรในศีล จะตั้งใจฟังคุรุให้มากกว่านี้ เพราะเราเห็นวิบากกรรมชัดเจนมาก
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียว คุรุ พี่น้องทุกท่าน ผัสสะ และสถานการณ์ครั้งนี้ ที่ได้ทำให้มีการตรวจใจ และได้เพิ่มอธิศีล สาธุ
11. วริษา สังคมศิลป์ | พิมพ์พันแสง | สมาชิกทีมแอดมินทุ่งนา
สภาวธรรมในการทำข้อสอบ
หนูลองทำข้อสอบแล้วค่ะ ไม่ได้เป็นนักเรียน ตื่นเต้น สนุกด้วยค่ะ ได้ลองทำสิ่งที่ไม่รู้จัก
12. ดร.ภูเพียรธรรม กล้าจน | สมาชิกทีมแอดมินทุ่งนา
พี่ได้ทดลองสอบทำข้อสอบไปแล้วค่ะ ไม่เคยเข้าเรียน อาศัยประสบการณ์จากที่เคยทำงานและสภาวธรรมจากการปฏิบัติด้านอื่น พอดูเฉลย เห็นข้อที่ตอบผิด ก็หัวเราะกับตัวเองได้ค่ะ ว่าเราไม่รู้คำตอบในข้อนั้นจริง ๆ ค่ะ สาธุค่ะ สนุกดีและก็ใช้เวลาไม่นานค่ะ
สภาวธรรมที่ได้ร่วมทดลองทำข้อสอบ
สภาวธรรมที่ได้ร่วมทดลองทำข้อสอบแล้ว คือ แม้เราจะไม่รู้เรื่องแอดมินเท่าที่ควร เพราะไม่ได้ร่วมเรียนด้วย แต่อยู่ในกลุ่มห้องแอดมินด้วย สอบแล้วก็ทำให้ได้รู้ว่า เราไม่รู้อะไร ได้ความสนุกสนาน ได้เห็นพลังเหนี่ยวนำในการมาทำความดีร่วมกัน ด้วยการลดกิเลสเป็นสำคัญและแบ่งปันต่อไป ใช้เวลาในการสอบไม่นานค่ะ เชิญพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองค่ะ ว่าท่านจะได้เห็นสภาวธรรมใจ
14. ศิริกัญญา ศรีประสม | สื่อสารศีล |สังกัด สวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ (ฮ่องกง)
ก่อนสอบ
ได้รับข่าวว่ามีการสอบแอดมิน แต่ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถเข้าไปสอบได้ เพราะไม่เคยเข้าไปเรียน เลยคิดว่าอาจจะไม่ตรงจุดประสงค์ในการสอบ เนื่องจากคิดไปเองว่า การสอบคือการวัดผลจากการเรียน แล้วถ้าเราไปร่วมสอบ มันอาจจะไม่ตรงวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลค่ะ แต่มีน้องท่านนึงให้แง่คิดว่า การสอบคือการตรวจสอบสภาวธรรมของตัวเอง มาลองพิจารณาดู ก็คิดว่า น่าสนใจเหมือนกัน เพราะปกติเมื่อก่อน เป็นคนไปสอบแล้ว น้อยครั้งจะไม่ได้คะแนนเต็ม ถ้าจะไม่ได้คะแนนเต็มบ้างจะเป็นยังไงบ้าง เลยเข้ามาสอบค่ะ
ขณะสอบ
ไม่ได้รู้สึกว่ายาก รู้สึกสบาย ๆ ไม่กดดัน ไม่เหมือนไปทำสอบในชีวิตที่ผ่านมา เพราะปกติจะต้องอ่านข้อสอบ และมุ่งมั่นจะต้องตอบไม่ผิด ทำข้อสอบเสร็จ ก็ต้องทวนคำตอบ ว่าไม่ผิดแน่ ๆ ถึงจะสบายใจ แต่สอบคราวนี้ ก็ทำไปเท่าที่รู้ ที่ไม่รู้ ก็เดาไป รู้สึกชื่นชมคนออกข้อสอบค่ะ เข้าใจตั้งคำถาม มีการวัดผลความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้เรียน ที่สำคัญ ไม่ได้ให้ความสำคัญที่สุดกับการเรียน แต่มุ่งเน้นไปที่สภาวธรรมจากการเรียนมากกว่า ไม่เหมือนการสอบของทางโลก โดยรวมประทับใจในการทำสอบค่ะ
หลังสอบ
มีผิดบ้าง ก็ดูใจว่า รู้สึกยังไงบ้าง ก็รู้สึกว่าต้องผิดสิ ไม่รู้จริง ๆ แอบขำในใจ แต่ได้แง่คิดว่า ทำสอบอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน สอบเพื่อลดกิเลส เพราะเท่าที่ผ่านมา สอบเพื่อสนองกิเลสตัวเองแท้ ๆ ได้คะแนนเต็ม ก็ต้องเก่งตลอดเวลา แบกความเก่งไว้ตั้งนานหลายปี โง่จริง ๆ
15. มัณฑณา ชนัวรร์ | ศีลประดับ | สังกัดสวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ (เยอรมนี)
จากที่ท่านครูได้แจ้งว่าจะมีสอบของนักศึกษาแอดมินฝึกหัด 1 อาทิตย์หน้า รู้สึกดีใจและตื่นเต้น ก็ได้จัดแผนงานของตัวเองพอมาถึงใกล้วัน ก็จะถามพ่อบ้านว่ามีงานอะไรจะต้องทำไหม เพราะวันอังคารมีนัด ท่านก็บอกว่าไม่มีงานอะไร แต่พอมาวันจันทร์ท่านก็บอกว่าพรุ่งนี้จะต้องไปช่วยที่สวน เพราะน้องชายว่างวันอังคาร พอได้ยินก็รู้สึกว่าทำไมจะต้องเป็นวันอังคาร ปลี่ยนเป็นวันอื่นไม่ได้หรือ ท่านก็บอกว่าไม่ได้เพราะว่าน้องชายว่างวันอังคาร ก็เห็นใจตัวเองว่าไม่อยากไป และก็ถามว่าฉันต้องไปด้วยไหมท่านก็บอกว่าไป ก็ถามท่านว่าไปกี่โมง ท่านก็บอกว่า 14.30 น ก็เลยวางใจว่าถ้าจะได้สอบหรือไม่ได้สอบก็ได้ เอาตามฟ้าเปิดแล้วก็รอที่จะถามท่านคุรุว่า ขอสอบก่อนหรือสอบทีหลังได้ไหม พอถึงวันสอบก็ได้ถามท่านคุรุท่านก็บอกว่าได้ แต่ก็ได้สอบตามเวลา ก็โชคดีที่แม่ย่าท่านอาสาไปรับลูกชายให้ ในขณะที่สอบก็มีความตื่นเต้นพอประมาณพอมาเจอข้อสอบต้น ๆ ก็งงเลย เพราะเราไม่เคยทำเลยจำเอาตามความรู้ พ่อบ้านก็เดินผ่านไปมาเพราะท่านต้องเก็บอุปกรณ์จากห้อง ใจก็นึกว่าจะเสร็จทันก่อนจะไปหรือไม่ ตรวจดูแล้วก็วางได้นะ แต่ก็มีที่ตื่นเต้นกับพี่น้องที่ท่านบอกว่าเสร็จแล้วส่งเลยไหมเราเพิ่งจะได้ 5 ข้อเอง เสร็จสามารถตรวจดูคำตอบได้เลย ผิดไป 10 กว่าข้อ แต่ก็ดีใจนะถูกเกินครึ่งอยู่แต่ก็มีเสียดายเพราะจะต้องไปช่วยพ่อบ้าน เห็นพี่น้องคุยกันเราก็อยากเล่าสภาวะ การสอบครั้งนี้เป็นการสอบที่น่าทึ่งมากและก็เห็นพี่น้องมีความสุขเราได้ฟังก็มีความสุขตามเบิกบาน ส่วนคะแนนก็ตามความสามารถและความเพียรของแต่ละท่าน กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
16. ศิริพร คำวงษ์ศรี
ก่อนสอบไม่มีกังวลใจใด ๆ เลย เพราะคุรุได้ให้ปัญญาว่า เอาสบาย ๆ แต่พอเห็นข้อสอบข้อแรกในส่วนของทฤษฎี รู้สึกว่ามันยาก แต่จริง ๆ แล้วพอทบทวนดี ๆ เป็นเพราะเราไม่ค่อยสติเวลาเรียน และเวลาเข้าไปโพสงาน ก็ไม่แววไวจดจำคำสอนของคุรุ และปุ่มการใช้งานต่าง ๆ ให้ดีพอ แต่ก็ไม่ปล่อยให้กิเลสพาทุกข์ใจไปนาน ระลึกถึงคำพูดของจิตอาสาท่านหนึ่ง ที่ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ไม่รู้จะเอาคะแนนไปทำอะไร” และก็เป็นจริงตามนั้น สิ่งที่ได้ทันที คือ “การวางใจ วางอัตตา” ได้คะแนนเท่าไหร่ก็ได้ เพียงใจเบิกบานผาสุก ร่วมวัดผลใจไปกับพี่น้อง ไม่ต้องแข่งอะไรกับใคร จะแข่งทำไม จะอยากได้คะแนนเยอะ ๆ ไปทำไม แค่นี้ใจก็ยิ้มผาสุก ทำไปขำไป รู้สึกตลกตนเองที่ทำไม่ได้ จำไม่ได้ เลยส่งคำตอบได้เร็ว เพราะทำเท่าที่รู้ เท่าที่จำได้จริง ๆ
เรื่องคันหัวใจ ก็มีบ้างนิดหน่อยในข้อ 17 พอได้เห็นเฉลย ก็รู้สึกว่ายังขัดแย้งในหัวใจ ที่ว่าถ้าตอบข้อ ข. มันมีความรู้สึกว่า บางครั้งการทำงานร่วมกัน หากเรามีอคติชอบชัง เราก็ไม่อาจบอกได้ว่า ใครมีศีล เพราะมันยังไม่จริงในใจ จึงตอบข้อ ง. เพราะรู้สึกการที่หมู่ร่วมคุยกัน จะทำให้ชัดเจนมากกว่าตัดสินด้วยตนเอง
เราก็ไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ จึงขอความกระจ่างจากคุรุ คุรุก็ได้เล่าให้ฟัง อ้างอิงจากคำสอนของอาจารย์ ใจเราก็ไม่ดื้อเลย เพราะได้ฟังคำอธิบายของคุรุแล้ว ก็ชัดเจนดี ไม่รู้จะขัดแย้งอะไรในใจ
สรุป
สรุป คือ การวัดผลเป็นสิ่งดีในการสร้างความตื่นตัว ตื่นรู้ แต่ก็วางใจไม่ตื่นเต้นกังวลตามกิเลส ประโยชน์มากมายที่ได้ทบทวนทฤษฎี และทบทวนใจตนเองว่ายังจะเอาอะไรอีกไหม สาธุค่ะ
17. ศิริพร ไตรยสุทธิ์ | สังกัด สวนป่านาบุญ 6 (เยอรมนี)
ได้ร่วมบำเพ็ญเรียนรู้ Content Admin มาระยะเวลาหนึ่ง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้ทำงานกับพี่น้องหมู่มิตรดี
พอรู้ว่าจะมีสอบ
ไม่ได้กังวล เรื่อง การสอบหรือคะแนนที่จะได้ เพราะคิดว่าได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่มีความกังวล เรื่อง ต้องไปทำงานไม่สามารถสอบกับเพื่อนตามช่วงเวลาที่สอบได้ หลังเลิกงานวันนั้น รู้สึกเพลียมาก จึงตัดสินใจไม่สอบในวันนั้น และยังมีเวลาถึงวันเสาร์
วันถัดมา ก็ยังมีอาการเพลียหลังเลิกทำงาน จึงไม่ได้ทำข้อสอบอีก
จนวันที่ 3 (หลังจากที่พี่น้องสอบไปแล้ว) จึงได้ทำการสอบด้วยใจที่เบิกบาน โดยมีลูกชายคอยเตือนให้รีบทำข้อสอบ จะได้ไม่ดึกจนเกินไป
ช่วงทำข้อสอบ
เจอคำถามหลายข้อที่ไม่มั่นใจ เครื่องมือบางอย่างไม่เคยใช้ จึงใช้เวลาคิดใคร่ครวญสักครู่ แล้วตัดสินใจเลือกคำตอบที่คิดว่าถูกต้องที่สุด ทำด้วยใจเบิกบาน สบาย ๆ โดยนั่งทำข้อสอบไปด้วย ฟังข่าวไปด้วย โดยมีลูกชายช่วยจับเวลาในการสอบไม่ให้เกิน 50 นาที
ช่วงที่ทำข้อสอบนั้น มีช่วงนึงที่อินเตอร์เน็ตไม่มีสัญญาณ ทำให้หน้าจอค้างไปครู่หนึ่ง จิตปรุงแต่งคิดไปแล้วว่า สงสัยจะได้เริ่มสอบใหม่ตั้งแต่ต้น สักพักทุกอย่างก็ปกติ ถึงทำข้อสอบต่อจนจบ และกดส่ง มีความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อรู้ผลคะแนนสอบทันที และสามารถตรวจสอบได้ว่าผิดข้อไหนบ้าง
ผลการสอบ
ทำผิดทั้งหมด 4 ข้อ ได้ย้อนตรวจดูทีละข้อ ใน 3 ข้อแรกที่ผิดนั้นเป็นข้อที่เราไม่มั่นใจและลังเล ส่วนข้อที่ 4 ที่ผิดนั้น เราเลือก “ถูกต้อง” แต่ในเฉลยเราเลือก “ผิด” อาจจะเป็นช่วงที่อินเตอร์เน็ตค้าง ทำให้ระบบเลือกจดจำผิดผลาด หรือเรากดพลาดก็ได้ ไม่ได้รู้สึกกังวล แต่ทำให้เรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ยอมรับในผลสอบ ด้วยความยินดีเบิกบานแจ่มใส เพราะเราได้ทำข้อสอบเสร็จแล้ว
สรุป
การสอบผ่าน Google form เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน เห็นข้อดีว่า สามารถรู้ผลได้ทันที และที่สำคัญที่สุดคือ แม้จะไม่ได้สอบในวันสอบ คุรุก็ยังเอื้อให้เราและพี่น้องท่านอื่น ๆ สอบในช่วงที่พร้อมสอบ ตามระยะเวลาที่คุรุกำหนดได้
อนุโมทนาสาธุ🙏คุรุทั้ง 3 ท่านที่เอาภาระ