วันของสุนัข : พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
การเลี้ยงสัตว์เป็นการก่อวิบากกรรมใหม่ ซึ่งเป็นการผิดศีลข้อ 1 เพราะเป็นการเบียดเบียนสัตว์ ผู้เขียนเชื่อว่า หากหลีกเลี่ยงได้ จะเป็นการดี จะทำให้ท่านนั้นเจริญขึ้น และจะได้ลดวิบากกรรม ที่มีมาช้านาน ให้ลดลงได้
เมื่อพูดถึงการเลี้ยงสัตว์ ประเภทสัตว์เลี้ยงที่บ้านหรือ ไม่เป็นสัตว์เลี้ยงที่บ้าน แต่ท่านนั้นอยากเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้าน
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เมืองไทย เช่น สุนัข แมว เป็นเรื่องปกติธรรมดาคนโน้นคนนี้เลี้ยงสัตว์ชนิดนั้นชนิดนี้ ส่วนใหญ่พวกเราจะปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นอยู่นอกบ้าน หรือไม่ก็ทำคอกหรือบ้านเล็ก ๆ ให้อยู่นอกบริเวณตัวบ้าน ไม่ให้เข้ามาวุ่นวาย หรือมานอนในบ้าน ไปถ่ายหนัก ถ่ายเบา สัตว์เหล่านั้นก็จะไปกันเองตามอัธยาศัย
ที่ประเทศเยอรมนี การเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว กระต่าย หรือหนูตัวเล็ก ๆ หรือสัตว์ชนิดใดก็ตามที่ท่านนั้นให้ความสำคัญ จะเลี้ยงและให้เข้ามาอยู่ในบ้าน กินนอน ในบ้านเลย บางท่านก็ให้ขึ้นไปนอนด้วยบนที่นอน ดูแลกันเหมือนกับลูกคนหนึ่งเลยละค่ะ เช่น สุนัข ถึงเวลาปวดหนัก ปวดเบา เจ้าของจะต้องพาออกไปเดิน นอกบ้าน เข้าป่า หรือที่ไหน ๆ ก็ตาม และพอขับถ่ายออกมาก็จะต้องเก็บอุจจาระไปทิ้งที่ถังขยะให้ถูกที่ไม่อย่างนั้นหากเจ้าหน้าที่ของรัฐมาตรวจพบก็จะโดนปรับ ประมาณ 1000 บาทและสัตว์ที่นี้ต้องทำประกันจ่ายเป็นรายปี มีการพาไปหาหมอ ฉีกวัคซีน ถือว่าการเลี้ยงสัตว์ที่นี้ก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยทีเดียว
สำหรับตัวเองหลังจากที่ได้มาพบแพทย์วิถีธรรม ทำให้ได้รู้ว่าการเลี้ยงสัตว์คือการผิดศีล ข้อ 1 เพราะเป็นการเบียดเบียนชีวิตของสัตว์ไม่ให้อิสระภาพ กักขัง ดั่งคำบรรยายของท่านอาจารย์หมอเขียวได้บรรยายธรรมไว้ในคลิปการเลี้ยงสัตว์เป็นบุญหรือเป็นบาป [ดูเพิ่มเติม] “มันจะเป็นวิบากกรรมติดตามกันไปเรื่อย ๆ ตามใช้กันไปไม่มีวันสิ้นสุด เพราะสัตว์ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวมาก็มีกิเลสเยอะจนได้เกิดมาเป็นคนก็ยังกลับไปเป็นสัตว์อีก กลับไปเป็นคนกลับไปเป็นสัตว์อีก คนเราเคยทำดีทำชั่วมามาก บางจังหวะกุศลบางอย่างมาให้ผล สัตว์ตัวนั้นได้ร่างเป็นคน ก็จะได้ร่างคน นิสัยสัตว์ พอได้ร่างคนนิสัยสัตว์ คราวนี้สัตว์ที่เราเคยเลี้ยงมามันผูกพันธ์กัน มันมีวิบากกรรมร่วมกัน เพราะเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา บางทีก็ทำไม่ถูกใจกันทำให้ต้องมาใช้หนี้กันไม่มีวันจบสิ้น.”
คนเยอรมันที่นี้นิยมเลี้ยงสัตว์กัน เพราะส่วนใหญ่จะอยู่คนเดียว มีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคุย บางคนได้เจอคู่ชีวิต เพราะพาสัตว์เลี้ยงออกมาเดินออกกำลังกายนอกบ้านก็มี เหมือนกับคลิปรายการ คลายรักคลายทุกข์ EP.35 [ดูเพิ่มเติม] ได้พูดถึงการอ่อย เอาไว้และหนึ่งในการอ่อย และทำให้คนได้เจอคู่ครองก็คือ การพาสุนัข ไปเดินออกกำลังกายนี่ละค่ะ (สำหรับตัวผู้เขียนก็ถือว่าคุ้มอยู่นะค่ะ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลย)
เกี่ยวกับเรื่องการอ่อย จึงขออนุญาตโยงมาที่ เรื่องสุนัขต่อเลย นะค่ะ เมื่อต้นสัปดาห์ผู้เขียนได้พบเห็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้รู้ว่าการที่คน รักสัตว์และแสดงความรักออกมาจากหัวใจจริง ๆ นั้นเป็นเช่นไร ก็คือ ขณะที่ผู้เขียนกำลังขับรถกลับบ้าน ถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วอยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่จดจ่อระวังความเร็วของรถไม่ให้เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ ทันใดนั้นเองก็เหลือบไปเห็นสุนัข ตัวสีดำ ตัวเล็ก ไม่ใหญ่มากวิ่งอยู่กลางถนน ในใจก็คิดว่าถ้าเป็นเมืองไทย สงสัย โดนรถเหยียบเป็นแน่แท้
ในขณะที่กำลังใช้ความคิด และระวังความเร็วของรถอยู่ ทันใดนั้นเอง รถคันที่วิ่งอยู่ข้างหน้าของผู้เขียนก็ค่อย ๆ จอด และเปิดไฟกระพริบ ตรงกลางถนนเลย ความคิดก็เปลี่ยนไปอยู่ที่เจ้าของรถคนนั้นทันที และก็นึกในใจว่า สงสัยจะจอดรถไปอุ้มเอาสุนัขแน่เลย ? “ โอ้ถ้าได้ซื้อลอตเตอรี่คงถูกรางวัลที่ 1 แน่เลยเรา” เพราะสิ่งที่ผู้เขียนกำลังคิด กับสิ่งที่เจ้าของรถคันข้างหน้ากำลังกระทำอยู่ เป็นสิ่งเดียวกันเลย เพราะท่านจอดรถแล้วลงไปช่วยสุนัขตัวนั้น ช่วยพาออกมาจากถนนหรืออาจจะช่วยอุ้มเอาขึ้นรถไปด้วยก็ได้ แต่บังเอิญว่าสุนัขตัวนั้น มันวิ่งออกไปห่าง ๆ และมองผู้ชายท่านนั้นอย่างไม่ไว้ใจแล้วก็วิ่งห่างออก หายไปอีกทางหนึ่ง
ค่อยยังชั่ว ที่สุนัขตัวนั้นวิ่งหนีออกไปซะได้ (จะได้ขับรถกลับบ้านได้ ซะที) ถือว่าสุนัขตัวนี้ อ่อยคุณผู้ชาย 2 ท่านได้สำเร็จ เพราะมีคุณผู้ชาย 2 ท่านพยายามจะช่วยสุนัขตัวนี้ให้พ้นจาก “การหลงทาง” ในครั้งนี้ค่ะ
เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าการเลี้ยงสัตว์ เป็นการสร้างวิบากกรรมใหม่ และได้ใช้วิบากกรรมเก่าด้วยในเวลาเดียวกัน
นับตั้งแต่ได้มาเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์หมอเขียว ทำให้รู้ว่า
ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดก็ไม่ควรจะเลี้ยงเพราะมันจะเป็นการสร้างวิบากกรรม
ชาติแล้วชาติเล่า ไม่มีวันสิ้นสุด สาธุ