การให้ปุ๋ยน้ำยูเรียแก่พืช : ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)
การให้ปุ๋ยยูเรียแก่พืชเป็นระยะจะช่วยให้พืชโตเร็ว มีความกรอบ หวาน รสชาติดี และที่สำคัญปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ภูผาฟ้าน้ำ เชียงใหม่ พื้นที่ภูเขาสูง อากาศหนาว
เมื่อช่วงเย็นวานและตอนเช้าวันนี้ได้ร่วมกับพี่น้องได้นำน้ำปัสสาวะ(ปุ๋ยยูเรียพระพุทธเจ้า)ไปช่วยกันรดพืชผักบนแปลงพ้นทุกข์
โดยเริ่มด้วยการช่วยกันนำน้ำปัสสาวะจากถังเก็บ บรรจุใส่ถัง ขนาด 200 ลิตร 2-3 ใบ และบรรทุกใส่รถไปยังแปลงพ้นทุกข์ พี่น้องช่วยกันผสมน้ำปัสสาวะกับน้ำเปล่าในอัตตราส่วนประมาณ 1/10 -20 และเดินรดตามโคนต้นพืช โดยเลี่ยงไม่ให้ถูกใบของพืช เพราะว่าถ้าฉี่ที่เราผสมมีปริมาณเข้มข้นเกินไปจะทำให้ผักเหี่ยว หรือใบเฉาได้
ประโยชน์ของการรดน้ำปัสสาวะให้พืชแทนการใส่ปุ๋ยเคมีคือ ทำให้ได้พืชผักหรืออาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษและทำให้ดินและพืชได้นำธาตุอาหารไปใช้ได้ง่าย สามารถรดได้บ่อยตามต้องการหรือประมาณ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
สภาวธรรม
ที่ได้จากการทำงานร่วมพี่น้อง ทำให้ได้เห็นกิเลสของตัวเองในบางแง่บางมุมที่ตัวเองยังติดอยู่ เช่นเมื่อวานได้ไปร่วมกันกับพี่น้องรดปุ๋ยน้ำให้ผักที่แปลงพ้นทุกข์ แต่เป็นเวลามืดแล้วจึงนัดกันว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้(คือเช้าวันนี้)จะไปช่วยกันรดปุ๋ยน้ำต่อ พอตอนเช้าหลังจากฟังอาจารย์บรรยายธรรมะแล้ว หลังกินอาหารเช้าเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไปตักปุ๋ยน้ำเพื่อที่จะไปรดผักในแปลงที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ เพื่อว่าพอถึงเวลาที่พี่น้องลงฐานงานแล้วก็จะได้ไปช่วยพี่น้อง
ขณะที่ทำงานอยู่ก็เห็นอาการลุกลี้ลุกลนของตัวเอง พ่อตักปุ๋ยน้ำจนเต็มถังแล้วก็เข็นเพื่อที่จะไปแปลงที่ตัวเองจะรด แต่พอเดินไปได้สักพักรถที่เข็นอยู่มันเอียง พาให้ถังปุ๋ยน้ำที่เราเข็นมานั้นล้มลงและหกไปเกือบจะหมดถัง ทำให้เราเห็นอาการที่ใจมันขุ่นขึ้นมา เหมือนจะโกรธตัวเอง แต่ใจเราก็มีสติจับอยู่ที่อาการนั้นได้ทัน จึงบอกตัวเองว่าเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน ที่เราเกิดอาการแบบนี้เพราะอะไรหรือ พิจารณาไปจนเห็นเหตุที่ทำให้อารมณ์เราขุ่นขึ้นแบบนั้น ก็คือเรามีความยึดมั่นถือมั่นว่าเราจะรีบทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบให้ทัน
เพื่อที่จะไปให้ทันพี่น้องที่จะไปรดปุ๋ยน้ำผักต่อที่แปลงรวมในวันนี้ ทำให้เราเกิดอาการใจร้อนลุกลี้ลุกลนอย่างที่เป็น พอจับได้แค่นั้นก็บอกตัวเองว่า แล้วจะรีบไปทำไมเล่าที่ทำอยู่นี้ก็ทำงานเหมือนกันไม่ใช่หรือ ก็ทำไปสิจะไปทันหรือไปไม่ทันเพื่อนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ทำตรงนี้เสร็จเมื่อไหร่ถ้าคิดจะไปช่วยเพื่อนก็เดินตามเขาไปได้ พอคิดได้แค่นั้นแหละกิเลสมันก็ม้วนต้วนหายไปเลย อาการกระวนกระวายใจอยู่เมื่อกี้มันก็สงบลง แล้วมันก็เกิดความสุขขึ้นมาในทันทีที่วางใจลงได้ ก็เลยคุยกับตัวเองว่าเกือบจะโง่ไปแล้วนะนี่
สิ่งที่ยังพลาดอยู่:คือเกือบจะมีอารมณ์โกรธขึ้นมาแล้วถ้าไม่มีสติรู้ทันอารมณ์ตัวเองก็จะมีอารมณ์โกรธตัวเองขึ้นมาเบียดเบียนตัวเองอีก แต่ก็มีสติในการที่ได้เห็นเวทนาขณะกำลังจะเกิดขึ้น และสามารถล้างได้ไวขึ้นในครั้งนี้ จึงถือเป็นการพัฒนาทางจิตวิญญาณของเราขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง และจะพยายามทำให้ดียิ่งๆขึ้นไป จับหลักได้ก็คือการมีสติอยู่กับปัจจุบันจะทำให้เราเห็นกิเลสที่จะมาหลอกเราได้ง่ายขึ้น ไวขึ้นและล้างเขาได้ไวขึ้น