สภาวธรรม นักศึกษาวิชชาราม วิชาภาษาอังกฤษ : การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษหน้าคลาสเรียน
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เห็นชัดถึงโทษของการมีกิเลสความยึดมั่นถือมั่นอยากพูดให้ถูกให้ดีนี่ว่า มันทำให้เราทุกข์และทำให้ยิ่งประหม่าไม่มั่นใจไปกันใหญ่
1. วิภาภรณ์ กอจรัญจิตต์ | เอ ใจพอแล้ว
วันนี้ตอนเรียนคลาสภาษาอังกฤษ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ เหมือนเรากลับไปเป็นเด็ก เริ่มเรียนทักทายกับเพื่อนๆ ในห้อง ที่รู้จักกันแล้ว และไม่เคยรู้จักกัน บรรยากาศที่พี่น้องแต่ละคนตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ ทำให้รู้สึกถึงความทุ่มเทที่อยากบำเพ็ญพัฒนาตัวเองและพัฒนาแพทย์วิถีธรรมกันอย่างเต็มที่
ก่อนจะเข้าสอบวันนี้ เอก็ได้โทรคุยกับหลานชายอายุ 7 ขวบที่ต่างประเทศให้เขาช่วยฟัง ช่วยแก้ไขสำเนียงและคำศัพท์ให้ ถึงแม้ว่าเขาจะช่วยได้ไม่มาก (เลย) แต่ก็ทำให้เอกับหลานได้คุยกันมากขึ้น หลานยังรับปากว่าจะสอนให้อีก ถ้ามีสอบ แล้วเขายังบอกว่าให้รายงานผลสอบไปให้ฟังด้วยนะ
ส่วนกิเลสตัวที่จับได้ ก็คือ การพูดเร็วค่ะ ปกติเอจะพูดเร็วมาก ทำให้บางครั้งพูดแล้ว คนฟังอาจจะงง เอจึงตั้งศีลว่าจะพูดให้ช้าลง คิดแล้วพูด ไม่ใช่ พูดแล้วคิด (แล้วมาเสียใจภายหลัง) ระหว่างการสอบของตัวเอง ก็จับได้ว่าพูดเร็วอีกแล้ว แต่อาจารย์ชาวต่างชาติกลับมองว่าเราพูดคล่อง ไม่ประหม่า จึงทำให้เห็นว่าบางทีความกลัวและความชังเรื่องพูดเร็ว ก็ไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป
______________
2. ณัฐพร คงประเสริฐ | ร้อยรักธรรม
มีความปร ะทับใจ ตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้เข้าร่วมเรียนรู้ภาษาอังกฤษ กับคุรุเอ๋ รับพลังกุศลที่ท่านยินดีบำเพ็ญอย่างผาสุก ได้ร่วมกับพี่น้องหมู่มิตรดีทุกท่าน บรรยากาศอบอวนไปด้วยพลังอิทธิบาทของพี่น้อง ที่มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาตนเองทั้งงานนอกงานใน ร่วมเรียนรู้สิ่งเดิมสิ่งใหม่ ในสภาพปัจจุบัน ด้วยการขัดเกลากิเลสในจิตวิญญาณไปด้วย
ได้พบตัวขี้เกียจฝึกฝนตนเอง ในเรื่องภาษาอังกฤษ และใช้ตัวชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ และพลังหมู่มาสู้กับกิเลสตัวนี้ค่ะ วันนี้ได้พลังมาเต็มเปี่ยม เฝ้ารอวันเสาร์หน้าแล้วค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ
_______________
3. กานดา ศักดิ์ศรชัย
ป้าจะลองเล่าสภาวธรรมเรื่องการเรียนคลาสภาษาอังกฤษนะคะ เริ่มต้นเลยก็คือ ได้เตรียมเรื่องของการแนะนำตัวเอาไว้ระดับหนึ่ง แต่ว่าในใจไม่รู้สึกอยากจะพูด กะว่าจะฟังไปเฉย ๆ แต่พอเริ่มฟังพี่น้องไปหลายๆท่าน ความรู้สึกอยากจะมีส่วนร่วมด้วยมีมากกว่าจึงได้ขอคิวที่จะพูด ก่อนที่จะได้พูดก็มีความรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยในใจ ไม่คิดว่าจะยังมีความรู้สึกตื่นเต้นอยู่กับประเด็นอย่างนี้หลงเหลืออยู่ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วมันก็จะหายไป
เข้าใจว่าเป็นสัญญาเดิม ๆ ที่เราเคยเป็นเมื่อสมัยครั้งเราเรียนหนังสืออยู่ในชั้นเรียนแล้วต้องทำกิจกรรมแบบนี้ ความรู้สึกนั้นจึงหายไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร หลังจากแนะนำตัวเสร็จและคุณนิโคลัสได้ให้ความเห็นถึงสิ่งดี ๆ ที่เรามี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับคำพูดนั้น เพราะเข้าใจถึงวิธีการในการเรียนการสอนที่ผู้สอนจะให้กำลังใจโดยการดึงเอาส่วนดีของผู้เรียนออกมา โดยสรุปในการแนะนำตัวเอง มุมมองส่วนตนยังไม่ได้ถือว่าดี ที่ทำได้สิ่งที่ยังเป็นข้อพร่องก็คือความยินดีที่จะทำ ตั้งแต่เริ่มต้นที่จะต้องฝึก และให้ทันการณ์มากกว่านี้ ถือว่าเป็นกำไรของนักปฏิบัติอีกวันหนึ่งค่ะ
สาธุค่ะ
______________
4. อรวิภา กริฟฟิธส์
สภาวธรรมจากห้องเรียนภาษาอังกฤษในวันนี้
ในตอนแรกนั้นไม่อยากจะพูดเป็นคนแรก แต่เนื่องจากเห็นพี่น้องไม่มีท่าทีจะเริ่มต้นก็เลยอาสายกมือก่อน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะยึดดีว่าเราต้องพูดได้ทั้งฝึกและพูดอยู่ทุกวัน จะผิดไม่ได้ พอรู้สึกว่ามีคนคอยฟังเราว่าเราจะพูดผิดหรือเปล่าเลยเกิดอาการตื่นเต้นเล็กน้อย ก็เลยมีอาการเร่งผลคือพูดเร็วอยากให้เสร็จเร็ว ๆ ค่ะ สาธุค่ะ
_______________
5. บัณฑิตา โฟกก์ | แบม มุกแสงธรรม ร้อยแก่นศีล
สภาวธรรม จากการมีร่วมสานพลัง ในคลาสเรียนแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษวันนี้
เราตื่นมาตั้งแต่ตีสอง และได้ทำการบ้านงานแอดมินแต่ยังทำไม่เสร็จ ระหว่างรอเข้าคลาสเรียนภาษาอังกฤษตอนตีสี่ (เวลาที่เยอรมนี) จึงพอมีเวลาฝึกซ้อมพูดสองสามครั้ง (ก่อนหน้านี้ฝึกซ้อมทุกวัน) เมื่อเข้าคลาสเรียน รู้สึกมีความสุขสนุกและมีพลังที่ได้เห็นคุรุเอ๋ คุรุนิโคลัส และ คุรุสถาบันวิชชารามท่านอื่น ๆ รวมทั้งพี่น้องนักศึกษาวิชชารามทั่วโลก เห็นกิเลสอยากรายงานตัวเป็นคนแรก เพื่อว่าตัวเองจะได้มีเวลาทำการบ้านแอดมินต่อให้เสร็จ เมื่อตรวจว่าเป็นกิเลสจึงตั้งศีลสู้ ไม่ทำตามกิเลสจึงสงบใจพิจารณา ว่าเราจะทำการบ้านงานแอดมินเสร็จตอนไหนก็ได้ และวางใจได้ว่าจะได้รายงานเป็นคนที่เท่าไหร่ก็ได้ สุขสบายใจได้ พิจารณาอยู่ประมาณหนึ่งนาที ความอยากรายงานตัวเป็นคนแรกก็หายไป
เมื่อได้พูดและออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ รู้สึกสนุกตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ แม้จะพูดไม่คล่องและออกเสียงผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่ทุกข์ใจ และมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะน้อมนำคำแนะนำในจุดที่จะพัฒนาได้อีกจากคุรุไปปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นค่ะ สาธุ
_______________
6. ปิ่น คำเพียงเพชร
เรื่อง : อสูรกายที่ซ่อนอยู่
คลาสเรียนภาษาอังกฤษของสัปดาห์ที่ 2 วันนี้คุรุให้นักศึกษา ออกมาพูดแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ หน้าคลาสเรียน ซึ่งคุรุก็ให้โจทก์ให้นักศึกษาไปฝึกทำการบ้านมา ซึ่งในวันนัดทำการบ้านกับพี่น้องก็ยังไม่ได้เรียบเรียงเนื้อหาของตนเองเลย เพิ่งมาเรียบเรียงและคัดลายมือไป 3 ครั้ง และซ้อมพูดออกเสียงอีก 3-4 ครั้ง เมื่อคืนก่อนนอน
พอวันนี้ก็สังเกตการณ์และดูพี่น้องท่านอื่นๆแนะนำตัวไปล่วงหน้าก่อน ช่วงท้ายมีจังหวะก็ขออนุญาตพูดบ้าง ในขณะที่ฟังเพื่อนก็รู้สึกเฉย ๆ ก็ตั้งใจฟังและพยายามจับประเด็นเวลาที่คุรุและพี่น้องแต่ละท่านพูด ว่าท่านพูดอะไรบ้าง ก็ชื่นชมพี่น้องหลายท่านที่สามารถพูดได้คล่องได้ดีและแต่ละท่านก็ตั้งใจกันมาก แต่พอถึงตัวเองจะพูดขึ้นมา ก็เกิดมีกิเลสตัวตื่นเต้นและอาการใจสั่นเกิดขึ้น
(เรายังไม่รู้เรื่องไหนเราก็จะโง่เรื่องนั้น)
รู้สึกว่าการมาเรียนภาษาอังกฤษนี่ก็ดีเหมือนกันมันทำให้เห็นกิเลสและเป็นโอกาสที่จะให้เราได้ฝึกล้างกิเลสตัวนี้ไปตาลำดับด้วย
ทุกข์ : ใจสั่นและอุลหภูมิในใจมันอุ่นวูบขึ้นมากกว่าปกติ รู้สึกตื่นเต้นเมื่อถึงคิวที่ตนเองต้องพูด
สมุทัย : กลัวว่าจะพูดออกเสียงได้ไม่คล่องไม่ชัดไม่ถูกต้อง ยึดว่าถ้าพูดออกเสียงได้คล่องได้ชัดได้ถูกต้องจะดี ถ้าพูดออกเสียงได้ไม่คล่องไม่ชัดไม่ถูกต้องไม่ดี
นิโรธ : ถ้าสามารถพูดออกเสียงได้คล่องได้ชัดได้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี แต่หากพูดได้ไม่คล่องไม่ชัดไม่ถูกต้องก็ไม่ควรทุกข์ใจหรือตื่นเต้น
มรรค : พอเห็นว่ามีกิเลสตัวตื่นเต้น ก็ตรวจใจว่าทำไม่เราถึงตื่นเต้น มันคือกิเลสตัวไหน ก็พบว่ามันคือผีอสูรกาย มันกลัว ที่มันกลัวก็เพราะรู้ตัวว่ายังไม่คล่อง และทำการบ้านมาน้อยก็เลยไม่มั่นใจ ก็ปรับใจให้นิ่งตั้งสติและหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มพูดด้วยความมั่นใจเท่าที่สามารถทำได้โดยไม่ไปกังวลว่าจะพูดผิดหรือพูดถูกอย่างไร วางใจว่าได้แค่ไหนเอาแค่นั้น สรุปก็ผ่านไปได้ด้วยดี
“เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เราเห็นชัดถึงโทษของการมีกิเลสความยึดมั่นถือมั่นการอยากพูดให้ถูกให้ดีนี่ มันทำให้เราทุกข์และทำให้ยิ่งประหม่าไม่มั่นใจไปกันใหญ่ และชัดในประโยชน์ของการเมื่อเราวางใจไม่กังวล และปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมโดยเราพยายามทำให้เต็มที่และไม่ยึดว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ทำใจยอมรับผลได้นั้น ยิ่งทำให้ความกังวลความทุกข์ใจของเราหายไป และกลายเป็นโล่งเบาสบายใจแทนได้อย่างเห็นได้ชัดเลยจริง ๆ”
ที่เห็นอีกอย่างคือถ้าเรายังไม่รู้หรือไม่ชัดในเรื่องไหนเราก็จะโง่ในเรื่องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุภายนอกหรือเรื่องกิเลสก็ตาม อยากหายโง่ในเรื่องไหนก็พากเพียรศึกษาให้รู้ชัดในสิ่งนั้นก็จะทำให้เราหายโง่ได้เอง สาธุ…
_______________
7. สภาวธรรม : พิมพ์พศินา สิทธิประเริฐ
ไม่ได้เตรียมตัวเลย เป็นชาวสวน เพิ่งมาเปิดดูไลน์ว่าวันเสาร์จะมีการฝึกแนะนำตัว ที่ได้ดูคลิปของคุรุเอ๋ติวบทให้เลือกตอบในการแนะนำตัว ก็ได้จด ๆ ไป อ่านได้บ้างและไม่ได้บ้าง กิเลสมันบอกว่า ไม่ได้เตรียมตัวก็ไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษสิ จะไปวิตกทำไม น้าหมูเชื่อมันแล้วนะ
แต่พอเปิดเข้าห้องเรียนทาง Zoom เห็นพลังหมู่กลุ่ม กำลังอ่านและแนะนำตัวกันอยู่ ใจน้าหมูก็อยากมีส่วนร่วมด้วย (อยากยึดดี) มันเป็นพลังหมู่จริง ๆ ซึ่งน้าหมูก็อ่านออกเสียงได้บ้างไม่ได้บ้าง ตื่นเต้นนิดหน่อย พออ่านไปก็หายตื่นเต้น ไม่ได้ฝึกอ่านลิ้นก็แข็ง อ่านไปแบบทื่อ ๆ แต่ก็ภูมิใจสู้กับกิเลสได้ ไม่ยอมแพ้มัน เย่! ดีใจจังไม่ได้ดั่งใจ
น้าหมูตั้งใจว่าจะไม่เข้าเรียนภาษาอังกฤษนะคะ ว่าจะเข้ามารับฟังและสังเกตการณ์ดูเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาแนะนำตัวเลย ก็เพราะพลังสนิทานสูตร (พลังเหนี่ยวนำ) เหนี่ยวนำของพุทธะมาฆ่ามารกิเลสที่มันสอนเราไม่ให้เข้าไปเรียน
การแนะนำตัวในวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดีด้วยใจไม่กลัวไม่ตื่นเต้น ผลสรุปของการอ่านและออกเสียงเป็นอย่างไรก็ยินดีรับทุกคำทุกประโยค
สาธุค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีมีใจไร้ทุกข์
พิมพ์พศินา สิทธิประเริฐ (เพียรเย็นพุทธ -น้าหมู ยโสธร)