Skip to content

แอดมินฝึกหัด สัปดาห์ที่ 10 : กลุ่มตะวัน

แอดมินฝึกหัด สัปดาห์ที่ 10 : กลุ่มตะวัน

พี่น้องกลุ่มตะวันรวมพลัง ประชุมอปริหานิยธรรมสรุปงานนอก และงานใน พร้อมกับฝึกฝนการเขียนบทความสภาวธรรม ตามที่ได้เรียนกับคุรุ
วันที่ 24 ก.พ 2564 ประชุมก่อนเริ่มงาน ประจำสัปดาห์ที่ 10


640224 สภาวธรรม พี่น้อง กลุ่มตะวัน

1. มัณฑนา ชนัร์ร

ชื่อทางธรรม ศีลประดับ อายุ 43 ปี สังกัด สวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ – เยอรมนี

วันนี้พี่น้องกลุ่มตะวันได้พูดคุยสรุปงานนอก และงานในของอาทิตย์ที่ผ่านมา และการบ้านอาทิตย์นี้ ข้าพเจ้าได้ฟังพี่น้องเล่าสภาวะในการทำงานในการส่งงานก็รู้สึกมีความสุข และยินดี แต่พอมีพี่น้องท่านหนึ่งได้บอกว่า มีผัสสะตรงที่ข้าพเจ้าได้พูดอาทิตย์ที่แล้ว ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกกังวลนิดหนึ่งว่าข้าพเจ้าได้พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่พอพี่น้องท่านนั้นพูดขึ้นมา ข้าพเจ้าก็ได้อธิบาย และพี่น้องท่านอื่น ๆ ก็ได้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมว่าที่พูดไปมีความหมายเป็นอย่างนี้พอเราคุยและอธิบายกันจบ ก็เข้าใจไปในทางเดียวกัน

บทสรุปที่ข้าพเจ้าได้ในการคุยกันอาทิตย์นี้คือมีอะไรให้พูดกันตรง ๆ ถามกันตรง ๆ ซึ่งบางครั้งพูดไปในคำเดียวกัน อาจจะเข้าใจไปคนละความหมาย สรุปแล้วงานกลุ่มก็ผ่านไปด้วยได้ดี สำหรับข้าพเจ้ามีความสุขและยินดีมาก ที่ได้ร่วมบำเพ็ญกับพี่น้องทุก ๆ ท่านสาธุค่ะ

2.กานดา ศักดิ์ศรชัย

ชื่อทางธรรม เย็นพรพุทธ อายุ 72 ปี จิตอาสาสวนป่านาบุญ 8 จังหวัดอุตรดิตถ์

ในวันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาพบปะพี่น้องกลุ่มตะวัน หลังจากที่ไม่ค่อยได้เข้ามาพบปะเนื่องจากจัดสรรเวลาไม่ลงตัว และรู้สึกว่าไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับพี่น้อง ห่างเหินไป เมื่อตรวจความรู้สึกว่าไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย ทำให้ไม่ค่อยอยากเข้ามาทำกิจกรรม แต่เรื่องนี้มีข้อสรุปตรงที่ว่า เราก็ทำในสิ่งที่เราทำได้ถนัด กิจกรรมงานนอกเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นับเป็นงานให้มองเห็นเป็นรูป ไห้ได้มาใช้เป็นผัสสะในการทำงานของหมู่กลุ่ม สิ่งที่เป็นความสำคัญกว่าก็คืองานในตัวเราไม่ได้หยุดทำ ยังคงสืบเนื่องทำงานในด้วยการใช้เวลาฟังธรรม ทบทวนธรรม ร่วมกิจกรรมของบททบทวนธรรม อ่านและฟังซ้ำธรรมะพาพ้นทุกข์ ธรรมะจากพ่อครูอยู่อย่างสม่ำเสมอ ความรู้สึกที่ทำให้ไม่อยากเข้าก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำงานและไม่ได้มีบทบาทในกิจกรรมของกลุ่มก็หมดไป เมื่อมีเวลาก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมประชุมเพื่อเตรียมงานในสัปดาห์ต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมคือ ได้รับฟังสภาวะของพี่น้อง เช่น  ทำการบ้านจนมีปัญหาสุขภาพ แต่ก็ยังอยากทำ ทำงานแล้วได้รับคำติก็รู้สึกไม่สบายใจ ได้ทำงานน้อยก็รู้สึกไม่ดีเป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องแต่ละท่านก็ได้นำมาพูดคุย เพื่อหาเหตุและล้างใจในเรื่องนั้น ๆ เสริมเติมให้กันได้ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน จบเรื่องสภาวธรรมงานใน จึงได้นำเรื่องของงานนอกมาพูดคุยเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

ในที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าควรนำสิ่งที่ได้พูดคุยมาฝึกบันทึกเขียน ส่งเป็นการบ้านดังตัวอย่างที่ กลุ่มรวงข้าวได้นำเสนอน่าจะเป็นประโยชน์ จึงได้เริ่มทำกิจกรรมนี้

3.บัณฑิตา โฟกท์

ชื่อทางธรรม มุกแสงธรรม  รู้แก่นศีล อายุ 45 ปี สังกัดสวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ – เยอรมนี

สัปดาห์นี้หารือกับพี่น้องหมู่กลุ่ม ว่าจะเขียนบทความเล่าสภาวธรรมส่งการบ้าน เหมือนกลุ่มรวงข้าว จึงเริ่มทำตั้งแต่สัปดาห์นีเลย วันนี้ประทับใจพี่น้องที่แบ่งปันแลกเปลี่ยนสภาวธรรม มีเรื่องค้างคาใจในสัปดาห์ก่อน กิเลสตัวยึดงาน กิเลสตัวอยากส่งงานจนป่วย และกิเลสขี้เกียจเขียนบทความส่งการบ้าน พี่น้องในกลุ่มก็ได้สังเคราะห์เติมเต็ม และชี้แนะตามภูมิ ในการน้อมนำธรรมะ และสภาวธรรมจากประสบการณ์ตัวเองบ้าง คำสอนของครูบาอาจารย์บ้าง ในกาพิจารณาเพื่อฆ่ากิเลสตัวดังกล่าว เช่น อย่าเอางานนอกนำหน้า ให้เน้นงานใน ความสำเร็จของงาน คือความสำเร็จของใจ ยึดเป็นทุกข์ ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์ ขี้เกียจเป็นอัตตา อะไรก็ตามถ้าทำแล้วทุกข์ อย่าทำ เป็นต้น

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียว คุรุ และพี่น้องหมู่กลุ่มตะวันที่ให้โอกาสได้ร่วมบำเพ็ญ สาธุ

4. มาลิน จุ้ยทรัพย์เปึ่ยม

ชื่อทางธรรม เมฆ ลม ฟ้า อายุ 45 ปี สังกัดสวนป่านาบุญ 7 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

หลังจากทำงานในกลุ่มตะวัน ได้เห็นถึงพลังความสามัคคีของพี่น้อง เห็นฉันทะของพี่น้องที่ร่วมแรงร่วมใจทำงาน ซึ่งเป็นกุศลที่เราได้ร่วมทำกัน ด้วยเหตุปัจจัยเรื่่องโควิด ตัวข้าพเจ้าเองได้ฝึกการยอมรับความผิดพลาดที่ตนเอง พร่องในงานด้านรูปภาพประกอบ แม้ว่าไม่มีใครว่าอะไร แต่ตนก็โทษตนเองซ้ำๆ มันเหมือนเป็นบททดสอบว่ายอมรับความพร่องความพลาดของตัวเองได้ไหม ยอมรับได้หรือยัง เพราะเหตุการณ์จะมาซ้ำ ๆ พลาด ลืมโน่นลืมนี่ไม่มีอาทิตย์ไหนจะสมบูรณ์ดังใจหมายสักอาทิตย์เดียว ได้ฝึกฝนจนกระทั่ง ยิ้มได้ น้อมรับความพลาดที่ตนทำมาได้

การได้ร่วมงานกันพี่น้องกลุ่มใหม่ ทำให้ตนเองได้ฝึกล้างอุปาทานของตัวเองในการยึดติดแต่กลุ่มเดิม หมู่เดิม ไม่กล้าที่จะออกจากพื้นที่ตนเองมาพื้นที่ใหม่
หรือแม้แต่การยอมรับการแก้ไขงานจากพี่น้อง ฝึกคลายความยึดมั่นถือมั่นว่างานเราถูก งานเราดีแล้ว ฝึกลดความใจร้อน ในหมู่เองก็ได้มีการร่วมขัดเกลา ได้ร่วมอปริหานิยธรรมกัน เวลามีอะไรข้องใจ ก็ได้ถามกันตรง ๆ เพื่อลดความเข้าใจผิดกัน ตัวข้าพเจ้าก็ได้กล้าที่จะถาม เพื่อไม่ให้มีความข้องใจ ลังเลสงสัยกัน สุดท้ายสิ่งที่คิดว่ามีอะไร ก็ไม่มีอะไร มันก็คือ กิเลสตัวเราเอง

ขอขอบคุณหมู่กลุ่มตะวัน ที่ทำให้เราได้ร่วมบำเพ็ญทั้งงานบุญ และงานกุศลร่วมกัน สาธุค่ะ

5. นางโยธกา รือเซนแบร์ก

ชื่อทางธรรม แจ้งศีล อายุ 56 ปี สังกัดสวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ – เยอรมนี

เพราะในใจที่อยาก และอยากจะมีงานส่งไม่ว่า จะมีงานอะไรมา ก็อยากทำหมด โดยเฉพาะอริยสัจ 4 ส่งเข้าไปแล้วก็เข้าไปอ่านเพลิน และการที่อยู่กับมือถือหรืออ่านนาน ๆ มาหลายเดือนทำให้มีอาการปวดตา จึงหยุดอ่านในมือถือน้อยลง อ่านแต่ข้อความสั้น ๆ และหยุดตรวจใจถ้าไม่ได้ส่งงาน ใจมันจะดิ้นมากแค่ไหนก็เห็นอยู่ว่ายังมีอยู่แต่ก็น้อยลงกว่าวันแรก ๆ แต่ก็ยังไม่หายไปเลย ทั้งที่พิจารณาทบทวนถามตัวเองว่าจะเอาอะไรกันนักหนา ท่านอาจารย์หมอเขียวหรือท่านคุรุก็บอกแล้วว่าให้ดูใจ งานเป็นแค่เครื่องมือตรวจใจเท่านั้น จึงน้อมจิตพิจารณาตาม

การเข้ามาร่วมพูดคุยกับพี่น้องมีความอบอุ่น และมีพลัง การได้เข้ามาสนทนาสานพลังทุกครั้งมีความสุข งานไม่ออกแต่ใจก็มีความสุข ที่ได้เข้ามาเรียนตรงนี้ได้ ฟังสภาวะธรรมของพี่น้องและตัวเอง หลายเหลี่ยมมุมเข้าใจวิบากของเรา และเห็นกิเลสที่ซ่อนอยู่มากขึ้น ก็จะพยายาพากเพียรต่อไป กายก็รักษาเต็มที่ ใจที่หลงไปยึดโน่นนี่ ก็จะพยายามล้างกิเลสตัวนี้ให้สิ้นเกลี้ยง  กราบอนุโมทนากับพี่น้องทุกท่านค่ะ สาธุ

6. ชลิตา แลงค์

ชื่อเล่น น้อย อายุ 44 ปี สังกัดสวนป่านาบุญ 6 – ฝรั่งเศส

ข้าพเจ้าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องให้ทำหน้าที่ในการลงข้อมูล และดูรูปประกอบ ช่วงแรก ๆ พี่น้องส่งงานกันมาหลายชิ้นต่ออาทิตย์ ช่วงหลังนี้พี่น้องส่งกันเข้ามาน้อยลง อาทิตย์นี้มีพี่น้องกลับมาช่วยลงข้อมูล ข้าพเจ้ารู้สึกว่าแบ่งกันทำแล้วก็คงได้ทำกันไม่กี่ชิ้น รู้สึกว่าง ๆ แล้ว ต้องหาอะไรทำ พอคิดว่าจะเพิ่มงานการบ้านตัวเองลงไป ใจก็รู้สึกสนุก มีพลังขึ้นมาตรงนี้ข้าพเจ้าได้แบ่งปันสภาวธรรมกับพี่น้อง พี่น้องก็ได้ให้คำชี้แนะว่า อย่าเอางานนำหน้าจนลืมจิตวิญาณตัวเอง ถึงจะมีงานหรือไม่มีงานใจก็ต้องเป็นสุขให้ได้ และมีพี่น้องบอกให้พิจารณาต่อว่า ทำไมเราอยากได้งานมันมีกิเลสอะไรซ่อนอยู่ เช่น อยากได้คำชม อยากได้การยอมรับ อยากได้โลกธรรมอะไร ชึ่งข้าพเจ้าได้พิจารณาตาม ก็เห็นว่ายังมีใจยึดมั่นถือมั่นอยากได้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ ซึ่งมันทำให้ใจเป็นทุกข์

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณพี่น้องที่ชี้แนะตักเตือน และขอน้อมรับมาพากเพียรล้างต่อไป จะทำดีแล้วปล่อยวาง ไม่เอาอะไรให้ได้ ให้ใจเป็นบุญเป็นกุศลจริง ๆ ไม่ต้องไปแบ่งให้มาร เสียพลังเสียเวลาเปล่า สาธุค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *