บุรุษไปรษณีย์ผู้ใจดี : พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวผู้เขียนได้ไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ใกล้บ้าน เคยได้ยินมาว่าบริการไม่ค่อยดี ไม่สุขภาพและพูดไม่ไพเราะ สำหรับตัวเองก็ไม่ได้คิดอะไร ณ เวลานั้น ครั้งนี้ลองไปใช้บริการดูปรากฏว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินมากับสิ่งที่ได้รับตรงกันข้ามกันเลยค่ะบุรุษไปรษณีย์ท่านพูดไพเราะ บริการก็ดี ดูแลเอาใจใส่ให้คำแนะนำดีมาก
อย่าไปนะไปรษณีย์แห่งนี้บริการไม่ดี ไม่สุภาพ ฯลฯ เป็นคำพูดที่ตัวเองเคยได้ยินมาจากคนรู้จัก ความรู้สึก ณ ตอนโน้นก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษเพราะมีไปรษณีย์หลายสาขาที่สามารถเลือกเข้าไปใช้บริการได้ แต่วันนี้ตัดสินใจลองไปไปรษณีย์แห่งนี้เพราะเป็นทางผ่านกลับบ้าน
ผู้เขียน : ขอใช้ตาชั่ง ชั่งพัสดุก่อนติดเทปกาวได้ไหมคะ
บุรุษไปรณีย์ : เชิญเลยคะ พัสดุคุณน้ำหนักเกินคุณต้องการนำสิ่งของออกจากกล่องบ้างไหมคะ
ผู้เขียน : อ่อ ได้ ๆ คะ เลยนำขนมออกจากกล่องมา 2 ห่อ
บุรุษไปรษณีย์ : น้ำหนักได้แล้วคะ เหลือแค่ปิดกล่องด้วยเทปใส อย่าปิดเยอะนะคะ เดี๋ยวน้ำหนักจะเกินไป
ผู้เขียน : ตกลง ขอบพระคุณคะ
จากนั้นตัวเองก็ทำการจัดของลงกล่องพัสดุและปิดกล่องด้วยเทปใส ขนม 2 กล่องที่น้ำหนักเกินก็ไม่ได้นำลงกล่องแล้วก็เดินไปเข้าคิวเพื่อส่งของ
บุรุษไปรษณีย์ : เอ้าน้ำหนักเหลืออยู่ตั้งเกือบ 2 กิโลกรัมเลยค่ะ เอ๊ะ ทำไมตาชั่ง ชั่งไม่เท่ากันคุณลองนำขนม 2 ห่อที่เหลือวางลงไปบนกล่องดูค่ะเผื่อน้ำหนักไม่เกิน
ผู้เขียน : ตกลงค่ะ
บุรุษไปรษณีย์ : น้ำหนักไม่เกินค่ะ หากคุณต้องการนำขนมที่เหลือลงเพิ่มในกล่องคุณสามารถทำได้นะคะ
ผู้เขียน : ยินดีค่ะแต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะเอาเท่านี้เลย คนเริ่มมารอคิวยาวแล้ว รู้สึกเกรงใจ
บุรุษไปรษณีย์ : ราคา 49 ยูโรค่ะ
ผู้เขียน : ขอโทษค่ะดิฉันขอส่งเป็นแบบพิเศษนะคะ
บุรุษไปรษณีย์ : อ้าว เหรอค่ะ
งงกันทั้งบุรุษไปรษณีย์และตัวผู้เขียนมองหน้ากัน
ผู้เขียน : เมื่อเริ่มมีสถานการณ์โควิดใหม่ ๆ จะต้องส่งของกลับเมืองไทยต้องส่งแบบพิเศษ ของจึงจะถึงน่ะค่ะราคาก็แพงเพิ่มมาอีกหนึ่งเท่าตัว
บุรุษไปรษณีย์ : อ่อ ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้คุณสามารถส่งแบบธรรมดาในราคาไม่แพงและถึงในเวลาเดียวกันได้แล้วค่ะ
ผู้เขียน : อ้อ เหรอคะดีจังเลย งั้นก็ขอส่งแบบธรรมดาคะ ดิฉันขอติดเทปใสในกล่องอีกรอบได้ไหมค่ะ
บุรุษไปรษณีย์ : อ่อได้คะ ยังงัยถ้าคุณติดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณานำมาวางไว้ตรงนี้เลยนะค่ะ
ผู้เขียน : ตกลงคะ
หลังจากคุยกันอยู่พักหนึ่ง
บุรุษไปรษณีย์ : ราคา 49 ยูโรค่ะ
ผู้เขียน : ตัวผู้เขียนก็จ่ายเงินพร้อมให้ขนมที่เหลืออยู่กับพนักงานใจดีท่านนั้นไปด้วยใจที่เบิกบาน แช่มชื่นและอบอุ่นในหัวใจ เมื่อท่านรับเงินและขนมจากผู้เขียนไป ก็เห็นอากัปกริยาของท่านได้ชัดเจนว่าท่านก็มีอาการคล้ายกับตัวผู้เขียนเช่นกันโดยดูจากแววตาของท่าน
บุรุษไปรษณีย์ : ขอบคุณมากคะ
ผู้เขียน : ขอบพระคุณเช่นกันคะ
ณ เวลานั้นลืมคิดพิจารณาถึงบททบทวนธรรมที่ท่านอาจารย์ได้สอนไว้สนิทเลยคะ ว่านั่นก็คือสิ่งดีที่เราทำมา มาถึงรอบแล้วจึงได้รับสิ่งดีตอบแทนแบบนี้ รู้สึกแต่เพียงว่าตัวจะลอย ใจเบาสบายและอิ่มเอมมีความสุข พอมาเข้าห้องเรียนก็ได้เล่าเหตุการณ์แบ่งปันให้พี่น้องฟัง มีพี่น้องท่านหนึ่งถามว่า ณ ช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นได้พิจารณาดับอย่างไร ตอบว่าไม่ได้พิจารณาดับเลยคะ เหมือนกับว่าตัวเองได้เสพความสุขอย่างมีความสุขจนลืมพิจารณาว่าสุขทุกข์นั้นมันไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป แต่ ณ เวลานั้นความรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นปุยนุ่นไปหมดคะ จนลืมพิจารณาให้จิตใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตัวเองรู้ว่าคราวต่อไปควรจะพิจารณาดับความรู้สึกเหล่านั้นให้เเร็วและให้กลับมาอยู่ในสภาวะปัจจุบันที่เป็นกลางให้เร็วที่สุด เพราะสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติมานั้นผิดเนื่องจากได้ไปหลงเสพกิเลส หลงในความสุขที่ไม่จีรัง ครั้งนี้ขอยอมรับคะว่ากิเลสชนะ ผุู้เขียนแพ้อย่างไม่เป็นท่าเลยคะ สาธุ