โดนเท่านี้เอง ทำเป็นโมโห : พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
ให้ยินดีรับยินดีให้หมดไป วิบากกรรมเก่าไม่สามารถแก้ไขได้ มีแต่วิบากกรรมใหม่ที่จะต้องพากเพียรไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ผู้เขียนจะขอทำแต่สิ่งที่ดี จะไม่ขอเบียดเบียนใคร และจะพากเพียรล้างกิเลสตัวไม่ถือสาไปเรื่อย ๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้ายังไม่ได้ชาตินี้ก็จะขอบำเพ็ญต่อไปในชาติอื่น ๆ สืบไป
ในการทำงานกับหมู่กลุ่มทำให้ได้เห็นกิเลสหลายตัว บางตัวก็ล้างได้ทัน หลายตัวล้างไม่ทัน หลายตัวก็เป็นกิเลสตัวใหม่ที่เกิดขึ้นมาใหม่ และหลายตัวเป็นกิเลสตัวที่คิดว่าล้างได้แล้ว แต่จริง ๆ ยังล้างไม่ได้ เช่นกิเลสตัวไม่ถือสา กิเลสตัวนี้ตัวเองได้พากเพียรล้างมาเป็นลำดับ ๆ เมื่อมีเหตุการณ์ (ผัสสะ) มากระทบไม่ว่าจะมาทางด้าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็จะพยายามพิจารณากับสิ่ง ๆ นั้น ว่าระหว่างประโยชน์กับโทษ อันไหนมากกว่ากัน
มีเหตุการณ์หนึ่งได้เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนคือ ได้นำรถไปซ่อมที่อู่ของคนต่างชาติท่านหนึ่ง และท่านก็ได้อธิบายถึงสาเหตุที่รถยนต์ของผู้เขียนมีปัญหาให้ฟัง แต่ผู้เขียนได้บอกท่านไปว่าไม่ค่อยเข้าใจคำศัพท์เฉพาะทางที่ท่านพูดหรอกนะ แต่ที่มาซ่อมที่อู่ของท่านก็เพราะมีคนแนะนำมา และก็เชื่อใจคนที่แนะนำมาซึ่ง ณ เวลานี้คุณเป็นคนที่รู้ปัญหาของรถยนต์ดี และดิฉันก็เชื่อใจคุณ
พอนำรถออกจากอู่มาขับผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน รถยนต์ของผู้เขียนก็มีปัญหา เลยต้องได้ขับกลับไปที่อู่ของท่านเดิมอีกครั้ง ท่านทำท่าทีไม่ค่อยพอใจ บอกแบบปัด ๆ ไปว่า เอาไว้ที่อู่นี่แหละ อีก 2 วันน่าจะเสร็จ พอได้รถมาขับก็เจอปัญหาเหมือนเดิมอีก เป็นอยู่อย่างนี้ติดต่อกัน 3 ครั้ง พอครั้งที่ 4 ผู้เขียนก็โทรศัพท์ไปถามท่านว่ารถยนต์ทำไมยังมีปัญหาเดิมอยู่ ท่านก็สวนกลับมาหาผู้เขียนทันทีเลยว่า “คุณไม่เข้าใจภาษาผมพูดหรืออย่างไร” พอได้ยินท่านพูด (กระทบผัสสะทางหู) เห็นอาการของใจค่อย ๆ พุ่งขึ้นเหมือนน้ำในกา กำลังเดือด อย่างนั้นเลย เลยพูดสวนออกไปโดยขาดสติ และด้วยน้ำเสียงที่โมโหว่า “คุณว่าอะไรนะค่ะ ก็คุณบอกเองว่า…..” ผู้เขียนรู้สึกได้เลยว่า ถ้าน้ำที่กำลังเดือด แล้วพุ่งออกมาจากกาน้ำเมื่อโดนหน้าผู้ชายท่านนั้นคงร้อนน่าดู ก็คงเหมือนกับใจของผู้เขียนที่กำลังเดือดอยู่ขณะนั้นเลย
พอท่านได้ยินน้ำเสียงของผู้เขียนเหมือนจะสู้ (ต่อสู้กันด้วยเสียง) เสียงท่านก็เปลี่ยนไปเป็นปกติ และเห็นอาการใจของผู้เขียนเริ่มผ่อนคลายลง เหมือนกันน้ำร้อน เริ่มอุ่นขึ้น และก็คิดทบทวน และภาวนาคำว่า “พุทโธ” เพื่อให้ใจที่กำลังโมโหให้ลงโดยเร็ว ในเวลานั้นรู้สึกได้เลยว่าผู้เขียนเพลียและอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด นึกคำสอนของท่านอาจารย์หมอเขียวก็ไม่ออก ท่องพุทโธก็ใช้วิธีกดข่มเอาอย่างเดียว
เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ขณะที่เดินทางไปยังอู๋รถของคุณผู้ชายท่านนั้น ปัญญาพุทธะก็เริ่มผุดขึ้น เมื่อไปถึงก็ได้กล่าวขออภัยท่าน ขอโทษที่ใช้น้ำเสียงที่ไม่สุภาพกับท่าน และพูดในใจขออโหสิกรรมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำไม่ดีกับท่านเอาไว้ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติไหน ๆ และขอบคุณเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่ทำให้ ตัวผู้เขียนได้ชดใช้วิบากกรรม และจะขอน้อมรับกับวิบากกรรมในครั้งนี้ จะไม่ถือโทษ ไม่ถือสา กับคำพูดที่ไม่ไพเราะที่ท่านพูดกับผู้เขียน
มันเป็นความจริงเหมือนที่ท่านพูดนั้นแหละ เพราะข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจคำศัพท์ที่ท่านพูดจริง ๆ และสิ่งที่ท่านได้กระทำก็ได้ทำให้ผู้เขียน ได้รู้ว่าสิ่งที่กำลังพากเพียรอยู่ คือ การไม่ถือสานี้ และจะรับแต่สิ่งของที่ท่านให้นั้น ต้องพยายามพากเพียรอีกต่อไป ก็เหมือนกับคำสอนของท่านอาจารย์หมอเขียว ที่ท่านสอนว่า [ติดตามเพิ่มเติม] “ให้ยินดีรับยินดีให้หมดไป วิบากกรรมเก่าไม่สามารถแก้ไขได้ มีแต่วิบากกรรมใหม่ที่จะต้องพากเพียรไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี” ผู้เขียนจะขอทำแต่สิ่งที่ดี จะไม่ขอเบียดเบียนใคร และจะพากเพียรล้างกิเลสตัวไม่ถือสาไปเรื่อย ๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้ายังไม่ได้ชาตินี้ก็จะขอบำเพ็ญต่อไปในชาติอื่น ๆ สืบไป
ผู้เขียนได้นำเรื่องที่ได้ประสบนี้มาเล่าให้พี่น้องหมู่มิตรดีท่านหนึ่งฟัง ท่านก็หัวเราะ และบอกกับข้าพเจ้าว่า “นั้นล่ะนะไปทำอาชีพพูดล่อลวงคน หว่านล้อมคนมา ก็เป็นอย่างนี้แหละ พอมาเจอคนพูดไม่ดีและโกหกเพียงแค่นี้ทำ ทำเป็นโมโห” แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะ ดีใจที่ได้ใช้วิบากกรรมอีกแล้ว ใช้แล้วก็หมดไปแล้วก็จะโชคดีขึ้น ผู้เขียนรู้ซึ้งจริง ๆ ว่าวิบากกรรมนี่ละจะเป็นตัวกำหนดชีวิตให้แต่ละคนเกิดมา และพอเกิดมาแล้วจะได้พบอะไรอย่างไร วิบากกรรมทั้งเก่าและใหม่เป็นตัวกำหนดทั้งนั้น
ปลอดภัยที่สุด คือต้องทำแต่สิ่งดีที่ไม่ผิดศีล และช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์