บันทึกการเรียนรู้ตลอดชีวิต ภาคที่ 1
ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิดระบาดมาก็เกือบ 3 ปีแล้ว เป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารส่วนใหญ่ก็จะอาศัยการคุยกันผ่านมือถือ หรือผ่านเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ที่จะทำให้ได้เห็นหน้าตาของคนที่กำลังคุยด้วย จึงทำให้ความรู้สึกคิดถึงบ้าน และอยากเห็นหน้าคนที่รักได้ลดบรรเทาเบาบางลงได้มากเลยที่เดียว เมื่อเวลาที่ลงตัวมาถึง ความตั้งใจที่รอคอยมาเกือบ 3 ปี ก็สุกงอมกลับบ้านเราไปเยี่ยมแม่และพี่น้องเราดีกว่าพอคิดได้เช่นนั้นก็เริ่มศึกษาถึงขั้นตอนและรายละเอียดเกี่ยวกับการทำเอกสารต่าง ๆ อย่างละเอียดบันทึกบทที่ 1 ของปี พุทธศักราช 2565
เรื่อง เตรียมเอกสารที่จะกลับเมืองไทย ระหว่าง 12 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565
ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิดระบาดมาก็เกือบ 3 ปีแล้ว เป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารส่วนใหญ่ก็จะอาศัยการคุยกันผ่านมือถือ หรือผ่านเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ที่จะทำให้ได้เห็นหน้าตาของคนที่กำลังคุยด้วย จึงทำให้ความรู้สึกคิดถึงบ้าน และอยากเห็นหน้าคนที่รักได้ลดบรรเทาเบาบางลงได้มากเลยที่เดียว เมื่อเวลาที่ลงตัวมาถึง ความตั้งใจที่รอคอยมาเกือบ 3 ปี ก็สุกงอมกลับบ้านเราไปเยี่ยมแม่และพี่น้องเราดีกว่าพอคิดได้เช่นนั้นก็เริ่มศึกษาถึงขั้นตอนและรายละเอียดเกี่ยวกับการทำเอกสารต่าง ๆ อย่างละเอียด
ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้การทำเอกสารต่าง ๆ สำหรับตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะหากวางแผนการเดินทางพลาด ก็จะทำให้เอกสารต่าง ๆ ที่วางแผนเอาไว้พลาดไปด้วยเช่นกัน Links – ข้อมูลสำหรับคนไทย ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย (thaiembassy.at) จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการดำเนินการโดยข้าพเจ้าจะแบ่งไว้เป็นขั้นตอน ต่างๆ เรียงลำดับหน้าหลังว่า ส่วนไหนควรจะดำเนินก่อนหลังเพื่อจะได้ให้เวลาลงตัวไม่คลาดเคลื่อนไป
ขั้นตอนที่ 1. เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินที่จะบินแล้วก็เริ่มดำเนินการ ตามขั้นตอนอย่างตั้งใจและมีสติ
ขั้นตอนที่ 2. ทำการจองโรงแรมที่จะไปพักเมื่อถึงเมืองไทย พร้อมกับชำระค่าตรวจ PCR จำนวน 2 ครั้งให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 3. เมื่อเอกสาร ข้อ 1 และข้อ 2 เรียบร้อยแล้วต่อไปเป็นการ ขอ QR code หรือ Thailand pass ท่านที่ไม่มี QR code จะไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ (QR code จะต้องได้รับอนุมัติก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างน้อย 7 วัน)
หลังจากที่ข้าพเจ้ายื่นเอกสารทุกอย่าง ข้าพเจ้ามีเวลารอ QR code อนุมัติ 8 วัน ก่อนจะถึงวันเดินทาง 5 วันผ่านไปไม่มีวี่แววว่า QR code จะได้รับการอนุมัติข้าพเจ้าเริ่มกังวลใจพยายามทำใจว่าอีกตั้ง 2 วันน่า ยังไงคงจะอนุมัติทัน แต่ในใจลึก ๆ ก็มีความคิดว่าคงไม่ทันแน่เลยต้องหาวิธีการอื่นที่จะตาม QR code ให้ออกมาก่อนวันเดินทางเพื่อความมั่นใจ ไม่รอแล้วต้องหาทางติดต่อสถานฑูตเพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านโดยเร่งด่วน ก่อนหน้านั้นไม่เห็นว่าตัวเองมีทุกข์ใจเลย เพราะมั่นใจว่าเอกสารทุกอย่างน่าจะอนุมัติให้ได้ทัน แต่วันนั้นข้าพเจ้าเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจอย่างชัดเจนว่า ทุกข์มาก ถึงทุกข์มากที่สุด อยู่เกือบ 2 วัน พยายามค้นหาว่าสาเหตุที่ทุกข์จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ค้นพบถึงสาเหตุของทุกข์ ว่ากลัวเสียหน้า กลัวโดนว่าว่าทำงานไม่สำเร็จ ทำงานผิดพลาด ไม่รอบคอบ แค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ และกลัวว่าทุกคนจะผิดหวัง พอจับสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์ได้แล้ว จึงเริ่มหาสาเหตุแห่งทุกข์ และหาวิธีดับทุกข์ในที่สุด ดั่งเรื่องราวที่ได้เขียนออกมาเป็นทุกข์อริยสัจ ดังนี้
อริยสัจ 4
เรื่อง กลับเมืองไทยในยุค COVID-19 โอมิครอน
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 ข้าพเจ้าได้ทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ เพื่อจะขอกลับเมืองไทย ในระหว่างวันที่ 12 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 จากนั้นก็ได้เข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและเตรียมพร้อมเอกสารต่าง ๆ ผ่านทางเวปไซต์ของกงศุลไทยเยอรมนี เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยหมด เหลือชิ้นสุดท้ายที่สำคัญและจะต้องมี คือ Thailand Pass หรือ QR code เหลือเวลาอีก 4 วันก่อนจะเดินทางยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับอนุมัติเลย เริ่มเห็นความกังวลใจที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เป็นอันทำงาน กระสับกระส่าย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอาการวูบ ๆ วาบ ๆ ที่บริเวณใบหน้า
ทุกข์ : กลัวเสียหน้า กลัวโดนว่า
สมุทัย : อยากให้เอกสารทุกอย่างอนุมัติให้ทันเวลา ตามที่วางเอาไว้เพื่อจะได้ดั่งใจของตัวเอง ไม่อยากให้มีอุปสรรคใด ๆ เกิดขึ้น หากไม่มีอุปสรรคใด ๆ จะชอบใจพอใจ
นิโรธ : แม้จะมีอุปสรรคทำให้เอกสารไม่ทันเวลาก็จะขอยอมรับวิบากกรรมของตัวเอง เพราะถือว่าได้ทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว จะเต็มใจรับวิบากกรรมด้วยความยินดีเต็มใจ
มรรค : เมื่อเห็นว่าข้าพเจ้ากำลังมีความทุกข์เกิดขึ้น จึงเริ่มค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ค้นไปค้นมาจึงพบว่าสาเหตุทุกข์จริง ๆ ก็คือข้าพเจ้ากลัวเสียหน้า กลัวโดนว่า ว่าทำงานไม่เรียบร้อย ไม่มีความรอบคอบ กลัวคนรอบข้างจะผิดหวัง คือมีอัตตาตัวตนมากอยากให้คนอื่นมีความสุข ไม่อยากให้คนอื่นจะต้องมาทุกข์ใจกับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำผิดพลาด
พอรู้สาเหตุแห่งทุกข์แล้วจึงได้ล้างถูกตัว ว่าจริง ๆ แล้วความผิดพลาด หรือความพร่องสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ อยู่ที่ว่าเราจะเข้าไปยึดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราหรือไม่ก็เท่านั้นเอง พิจารณาไปเรื่อย ๆ ความทุกข์ก็ลดลงเพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าเลยโทรไปเล่าให้แม่และพี่สาวฟัง ว่าอาจจะไม่ได้กลับบ้านนะเพราะถ้าเอกสารออกไม่ทัน ไม่ครบ สายการบินก็ไม่ให้บิน พอท่านทั้ง 2 ได้รับทราบเรื่องราวของข้าพเจ้าหลังจากนั้นความทุกข์ใจ และความกังวลต่าง ๆ ที่มีอยู่ก็หายไปปลิดทิ้ง
กราบขอบพระคุณเหตุการณ์ต่าง ๆ และวิบากกรรมที่มาแสดงให้ข้าพเจ้าได้เห็นและจับกิเลสตัวที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง แต่พอมีผัสสะมากระทบทำให้ได้เห็นชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญทำให้ข้าพเจ้าได้ล้างกิเลสตัว “ความไม่กล้าเผชิญกับความไม่ได้ดั่งใจ” ทำให้กล้าที่จะไม่ได้สมใจ ไม่ได้ดั่งใจก็ได้ พอมีความกล้าจึงทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ กลับมาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ทุกอย่างสำเร็จดั่งใจที่ต้องการทุกประการ ค่ะ สาธุ
หลังได้ดับทุกข์ใจด้วยอริยสัจ 4 แล้ว จากนั้นก็รู้สึกได้ทันทีว่าความทุกข์เบาลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อผลของวิบากกรรมดีที่เคยทำกุศลมาส่งผล ข้าพเจ้าได้คุยปัญหาเรื่องนี้ให้พี่น้องคนไทยท่านหนึ่งฟัง ท่านเลยแนะนำให้เข้าไปเขียน Messenger ของสถานฑูตไทยที่กรุงเบอร์ลิน และข้าพเจ้าก็ได้ทำตามเหมือนที่เพื่อนแนะนำ ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเพียงครึ่งวันทางสถานฑูตก็ได้ดำเนินการ ออก QR code ให้ข้าพเจ้าได้ทันเวลาก่อนวันเดินทาง 2 วัน
ประสบการณ์ครั้งนี้ในยุควิกฤตโควิดทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เห็นความกลัวกังวลและความหวั่นไหวในใจพลุดขึ้นมามากมายเหลือเกิน
แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นใจที่ยอมจะเสียและยอมที่จะไม่สำเร็จไม่ได้ดั่งใจของตัวเอง (อยู่ไกล ๆ ๆ โน้น….เลยค่ะ) โชคดีที่มีครูบาอาจารย์คอยอบรมสั่งสอนทำให้มีที่พึ่ง
ในที่สุดแล้วข้าพเจ้าก็ได้เอกสารทุกอย่างมาครบถ้วนและได้บินกลับประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ สมดั่งใจปรารถนา ค่ะ
โปรดติดตาม ตอนต่อไปค่ะ