เส้นทางสู่สัมมาอาชีพ กสิกรมือใหม่ : บัณฑิตา โฟกท์ มุกแสงธรรม
ต่างประเทศ (สวนป่านาบุญ 6)
ข้าพเจ้ามีคุณพ่อเป็นชาวนาและเป็นสารพัดช่าง แม่ข้าพเจ้าเป็นแม่ค้าและเป็นชาวนา พอถึงฤดูกาลทำนา แม่ก็ทำนา หมดฤดูกาลทำนา ก็เป็นแม่ค้าขายของ ขายสารพัดอย่าง และข้าพเจ้าก็ทำขนมไปขายที่โรงเรียนตั้งแต่อยู่ชั้นประถมจนขึ้นมัธยม ทำลูกชิ้นขายบ้าง ขายเครื่องสำอางค์บ้าง รับจ้างเลี้ยงเด็กบ้าง และทุก ๆ เช้าแม่จะให้ไปใส่บาตรพระหรือถ้าใส่ไม่ทันก็ให้ตามไปที่วัดและก่อนงานวัดก็จะไปช่วยตักน้ำขนฟืนเข้าวัด ก็มีความสุขสนุกและได้รู้จักผู้คนมากมาย มีความชอบนั่งสมาธิและฟังพระเทศน์ตั้งแต่เด็ก พอเห็นพระหรือแม่ชีหรือคนสูงอายุนักปฏิบัติธรรมชอบเข้าไปกราบไหว้ ท่านก็จะให้พรข้าพเจ้าว่า ให้เรียนหนังสือเก่ง ๆ นะ เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์นะ ” ข้าพเจ้าก็จำใส่ใจและปฏิบัติตามมาตลอด
ตอนเป็นนักศึกษาพยาบาลก็เป็นสมาชิกทีมบริหารสโมสรนักศึกษาตั้งแต่ปีหนึ่ง พออยู่ปีสี่ก็ได้เป็นประธานสโมสรนักศึกษาเป็นนักกิจกรรม พอเรียนจบพยาบาลก็ทำงานในสถานพยาบาลของรัฐและไปเฝ้าไข้ขึ้นเวรที่โรงพยาบาลเอกชน และยังได้ขายอาหารเสริม ขายอุปกรณ์เสริมความงาม เป็นอาชีพเสริมอีก มีอยู่สามครั้งที่ข้าพเจ้าได้ขายอุปกรณ์เสริมความงามแล้วได้กำไรเยอะมาก แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกลึก ๆในใจว่าไม่มีความสุขในการได้กำไรนั้น รู้สึกสงสารคนซื้อ จึงหยุดขายไป ส่วนอาหารเสริมขายได้ดีแต่ไม่ค่อยมีกำไรแต่ก็ขายไปเรื่อย ๆ เพราะตัวเองชอบกินอาหารเสริม มีคนชวนให้ขายประกันเคยไปอบรมและลองทำแต่ขายให้ใครไม่ได้เลยจึงหยุดขาย มีอยู่ช่วงหนึ่งไปช่วยน้องสาวที่พัทยาทำร้านเสริมสวยมีทำผม นวดหน้า นวดตัว และนวดเท้า ขณะเดียวกันก็แนะนำให้ลูกค้าบางท่านหยุดทำงานเป็นโสเภณีให้หาอาชีพอื่นทำ และได้ชวนไปวัดด้วย
พอแต่งงานมาอยู่ที่เยอรมนีได้ลาออกจากอาชีพพยาบาล มาทำอาชีพนวดบำบัด ล้างจาน ล้างผัก ทำความสะอาด ครูฝึกโยคะและได้เข้าสมัครเป็นจิตอาสากับพี่น้องคนไทยที่รวมตัวกัน ตั้งเป็นสมาคมช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในแถบเมืองที่อาศัยอยู่ เช่นเป็นครูอาสาสอนภาษาไทยแก่เด็กและผู้ใหญ่ สอนทำอาหารไทย ร่วมจัดกิจกรรมหารายได้ มีการแสดง การจัดการประกวดต่าง ๆ และช่วยงานวัดต่าง ๆ ทำมาสามปี
เจ็ดปีก่อนได้รู้จักแพทย์วิถีธรรมและท่านอาจารย์หมอเขียว และเมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมาไม่ใช่สัมมาอาชีพ ไปส่งเสริมกิเลสคน จึงเริ่มพิจารณาค่อยตัดกิจกรรมต่าง ๆ ออกไป โดยไม่ไปร่วมบริหารจัดการด้วยแต่ยังคงช่วยส่งข่าวหรือประสานบางกิจกรรมให้ และเมื่อประมาณสามปีกว่าได้รวมกลุ่มกับพี่น้องที่มีความศรัทธาต่อแพทย์วิถีธรรมและท่านอาจารย์หมอเขียว ร่วมบำเพ็ญจัดกิจกรรมค่ายสุขภาพแพทย์วิถีธรรมขึ้น จึงได้เลิกทุกบทบาททุกกิจกรรมอย่างถาวร และตั้งจิตมั่นมาบำเพ็ญกับแพทย์วิถีธรรมอย่างเดียวและจะบำเพ็ญต่อไปจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ส่วนงานที่หารายได้ปัจจุบันนี้บอกเลิกงานทุกอย่าง ตั้งมั่นที่จะเป็นกสิกรเต็มตัว จะทำกสิกรรมไร้สารพิษ โดยขออนุญาตพ่อบ้านทำสวนผักที่บ้าน นี่คือเส้นทางสู่สัมมาอาชีพ กสิกรรมไร้สารพิษ ชีวิตผาสุก จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามชมกันต่อไปค่ะ ในหน้าร้อนของเยอรมนีปีนี้ค่ะ (เม.ย-กันยายน2564) สาธุ