ปลูกสับปะรด ไร้สารพิษ : กานดา ศักดิ์ศรชัย (เย็นพรพุทธ)
ปลูกสับปะรดมาเป็นปีที่ 4 ได้ชิม ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน ทุกปี ปีนี้มีประมาณ 10 ลูก แต่ละลูกเกิดไม่พร้อมกันจึงทะยอยเก็บกินได้นานหน่อย เป็นสับปะรดที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยดีค่ะ
อุตรดิตถ์ อากาศร้อน สลับ ฝนตกเป็นบางวัน เป็นบ้านเดี่ยว มีพื้นที่การเพาะปลูกพอประมาณ ในสวนหลังบ้าน
ต้นพันธุ์ที่ปลูกได้จากการซื้อผลมาจากตลาด เริ่มปลูกด้วยจุกแล้ว ขยายต่อด้วยหน่อที่เกิดขึ้นใหม่ น่าจะเป็นพันธุ์ห้วยมุ่น ค่ะ สำหรับท่านที่ชอบหวานอย่างเดียวก็จะไม่อร่อยนะคะ
สับปะรด เป็นผลไม้เขตร้อนที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีเอนไซม์บรอมมีเลน (bromelain) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจหลายอย่าง ปัจจุบันนอกจากการนำสับปะรดมาบริโภคในรูปแบบของผลไม้สดและใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและขนมต่าง ๆ แล้ว ยังมีการนำสับปะรดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายชนิด
ผลของสับปะรดมีสรรพคุณในการขับเหงื่อ ห้ามเลือด บำรุงโลหิต เป็นยาระบาย ช่วยย่อยอาหาร แก้ปัสสาวะพิการ (ปัสสาวะขัด) ขับปัสสาวะ กัดเสมหะในลำคอ แก้เสมหะเหนียว ขับเสมหะ แก้ไอ ระงับการอักเสบและบวม ทำให้แผลหายเร็ว
ในปีแรกที่เริ่มปลูก ยังไม่มีองค์ความรู้ เป็นพิเศษ ก็ปลูกและรดน้ำอย่างเดียว เกือบเกือบ 2 ปี จึงเริ่มมี ผลผลิตอยู่ 2-3 หัว ทำให้มีกำลังใจและ คิดจะปลูกสับปะรดเพิ่มมากขึ้น ได้แนวคิด จากอำนวย ฮอมบุญอโศก ให้ทำการปลูกแบบชนิด ดูสวยงาม ดูแลบำรุงรักษาและเก็บเกี่ยวได้ง่าย จึงได้ทำการปลูกตามแนวทางเดิน ด้วยการขุดหลุมเป็นระยะ ๆ ใส่อินทรีย์วัตถุที่เป็นเศษใบไม้ เศษอาหารที่เป็นผักผลไม้จากครัวเรือนรวมกับน้ำซาวข้าวและน้ำปัสสาวะเป็นปุ๋ย ปลูกแล้วก็รดน้ำ และคอยถางหญ้า
สภาวธรรม
ในการปลูกสับปะรด มีความยินดี ที่เริ่มจากการปลูกแบบไม่มีทักษะ แต่ก็พอจะได้ผลผลิต พอเริ่มเรียนรู้การทำกสิกรรมไร้สารพิษจากอาจารย์หมอเขียวเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำกสิกรรมจากเพื่อนจิตอาสา จึงได้ปลูกเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเรียนรู้ที่จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สับปะรดเป็นผลไม้ฤทธิ์เย็น ปลูกแล้วได้กิน แต่ยังไม่พอต่อการบริโภคและแบ่งปัน เพื่อเพิ่มผลผลิต การได้เรียนรู้เพื่อมาปรับปรุงวิธีปลูกเช่น การเลือกตำแหน่งให้ได้สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม การเลือกพันธุ์ ที่มีขนาดโตพอและเท่าๆกัน จะได้ผลผลิตไล่เลี่ยกันเป็นต้น แต่ ณ.บัดนี้ได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว สาธุค่ะ