การเพาะขายต้นกล้าผักสวนครัว : พรทิพย์ ไทยเอียด (ภาคใต้)
จากการที่เราได้ตั้งใจว่าจะหารายได้ที่เป็นสัมมาอาชีพ มาเลี้ยงครอบครัวจึงได้ทดลองเพาะเลี้ยงและขายต้นกล้าผักสวนครัวให้กับผู้ที่ต้องการปลูกผักกินเอง ซึ่งจำนวนต้นกล้าก็ไม่ได้มากมายอะไรแต่ปรากฏว่าขายได้แค่หนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น
เราก็เกิดกิเลสท้อใจ เกิดการเปรียบเทียบกับคนที่เขาเพาะขายต้นกล้าบอนสีต่างๆ เขาขายดีมากและขายแพงมาก แต่คนซื้อก็ซื้อโดยไม่เสียดายเงินทั้งๆที่ในความเป็นจริง เอามากินเป็นอาหารก็ไม่ได้ แต่คนซื้อก็ยินดีซื้อ แต่เราอุตส่าห์ทำในสิ่งที่คิดว่าน่าจะดีกว่าคือมันใช้ปรุงกินอาหารได้ แต่กลับไม่มีคนสนใจซื้อไปปลูก ในจิตมันก็เกิดกิเลสคิดดูถูกปัญญาของผู้ที่ไปซื้อบอนสี
เกิดความชังในพฤติกรรมของคนอื่นที่ไปเห็นดีในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์(ตามความคิดของเรา เราตัดสินคนอื่น)แต่พอมาตามรู้กิเลสความอยากได้ในตัวเอง อยากขายต้นกล้าให้หมดจึงจะพอใจ ขายไม่หมดเลยทุกข์ใจ แล้วกิเลสมันก็พาลพาไปหาเรื่องกล่าวร้าย ดูถูกความคิดของคนอื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกับเรา นี่มันคือการเพิ่มวิบากไม่ดีให้กับตัวเอง เราขายไม่ได้นั่นเพราะวิบากไม่ดีที่เราทำไว้เองมาปิดทางหากิน
แม้เราจะเห็นว่ามันคือสัมมาอาชีพแต่ผลของวิบากที่เราเคยทำมา มาปิดกั้น แล้วเราจะไปโทษคนอื่นได้อย่างไร มันโง่จริงๆตัวเรา หลังจากที่คิดได้แบบนี้อาการท้อใจ กล่าวโทษผูู้อื่นก็หมดหายไป จากนั้นเลยคิดเปลียนจากการขายต้นกล้ามาเป็นเอาต้นกล้าที่เหลือมาปลูกเองทั้งหมด และคิดในใจว่าก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ใช้วิบากโดยการใช้แรงงาน แรงกาย แรงใจของตัวเอง ในการปลูกต้นกล้าทั้งหมดต่อไป ครั้นได้ผลผลิตมาจะขายได้หรือไม่ได้ เราก็ทำใจยอมรับได้ แล้ว เพราะเข้าใจในธรรมะและวิบากดีร้ายที่ส่งผลต่อตัวเองดีแล้ว