มะม่วงเบาแช่อิ่ม : รมิตา ซีบังเกิด
ในสวนปลูกมะม่วงเบาไว้รับประทานเอง ช่วงนี้มีผลมะม่วงเบาออกมาเป็นจำนวนมาก จึงได้นำบางส่วนมาแปรรูป จุดประสงค์ก็เพื่อจะสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น และข้อดีอีกอย่าง คือได้แบ่งปันแก่ผู้อื่นอีกด้วย ปริมาณน้ำตาลในสูตรนี้ให้ปรับตามสภาพร่างกายเป็นหลัก หรือเวลารับประทาน ให้รับประทานแต่เนื้อมะม่วง ส่วนน้ำแช่มะม่วงให้รับประทานแต่น้อย
อาหารฤทธิ์ร้อน
เวลาที่ใช้ในการทำอาหาร ประมาณ 4 วัน
มะม่วงเบา เป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของทางภาคใต้ ผลมีขนาดเล็กเท่ากับไข่ไก่ใบเล็ก เมื่อดิบรสจะเปรี้ยวจี๊ด เนื้อกรอบ ไม่มีกลิ่นฉุน คนใต้นิยมนำไปทำอาหารให้รสเปรี้ยวหลากหลาย เช่น นำไปตำน้ำพริกเป็นน้ำพริกมะม่วงเบา แต่ที่นิยมมากที่สุด คือ นำไปแช่อิ่ม
วัตถุดิบฤทธิ์เย็น
- มะม่วงเบาดิบ
- น้ำปูนใส
วัตถุดิบฤทธิ์ร้อน
- น้ำตาล
- เกลือ
วิธีทำ
1. ล้างมะม่วงเบาให้สะอาด
2. ปอกเปลือก ผ่าครึ่ง แกะเมล็ดออก ซอยเนื้อมะม่วงถี่ ๆ อย่าให้ขาด แช่น้ำเกลือไว้ 1 คืน สังเกตให้น้ำท่วมมะม่วง ปริมาณเกลือที่เราใส่ เราสามารถชิมน้ำดูได้ เน้นอย่าให้เค็มมาก
3. นำมะม่วงขึ้นจากน้ำเกลือ ล้างน้ำ แล้วแช่ในน้ำปูนใสต่ออีก 1 คืน การแช่น้ำปูนใสจะทำให้เนื้อมะม่วงกรอบ และมีสีสวยน่ารับประทาน
4. นำมะม่วงขึ้นจากน้ำปูนใส ล้างให้สะอาด ตั้งให้สะเด็ดน้ำ
5. เคี่ยวน้ำตาลทรายแดงกับน้ำ อัตราส่วนประมาณดูให้ท่วมมะม่วง ตั้งไว้ให้เย็น เทน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ใส่มะม่วงเบา แล้วนำใส่ตู้เย็นประมาณ 2 วัน ก็รับประทานได้ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน
หมายเหตุ มะม่วงดิบเป็นฤทธิ์เย็น เมื่อผ่านกระบวนการแช่อิ่ม หรือหมักดองแล้ว จะกลายเป็นฤทธิ์ร้อน
สภาวธรรม
การทำอาหารหมักดอง เป็นการเพิ่มกิเลส และเป็นโทษต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วย แต่เมื่อมีอาหารเหลือกิน เหลือใช้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ ที่สำคัญ จิตมุ่งในการแบ่งปันผู้อื่น มากกว่าคิดประโยชน์ตน จึงคลายความวิตกลงได้ กลับรู้สึก เบิกบาน ยินดี ใช้บททบหวนธรรมว่า “ให้ แล้วไม่คิดที่จะไม่เอาอะไรจากใครให้ได้” (การทำอาหาร ทั้งการแช่อิ่ม การหมักดอง หรือสิ่งที่เป็นพิษ หากทำด้วยจิตที่ต้องการเสพรสชาติอร่อย นั้นเป็นกิเลส แต่หากทำด้วยเจตนา ต้องการถนอมอาหาร และแบ่งปัน นั้นไม่ถือว่าเป็นกิเลส)