ประตูบานแรก ของการฝึกล้างกิเลส : สมพงษ์ โขงรัม (สู่สวนสงบ)
บททบทวนธรรม ข้อที่ ๑ คือประตูบานแรก ของการฝึกลดละล้างกิเลส จะต้องเริ่มจากการล้างกิเลสตัวใหญ่ให้ได้ก่อน ถ้าข้อแรกพอมีสภาวะแล้ว ข้ออื่น ๆ ก็จะเข้าใจง่ายขึ้น เพราะการปฏิบัติธรรม ต้องไล่จากหยาบไปหาละเอียด หรือลาด ลุ่ม ลึก ไปเป็นลำดับ ๆ ได้
เรื่องการเข้าใจผิดของเรากับผู้อื่น
เราต้องระลึกรู้ว่า
มันคือวิบากกรรมเขา วิบากกรรมเรา
แก้ไขได้ด้วยการทำดีไม่มีถือสาไปเรื่อย ๆ
แล้ววันใดวันหนึ่งข้างหน้า
ในชาตินี้ หรือชาติหน้าหรือชาติอื่น ๆ สืบไป
ความเข้าใจผิดนั้น ก็จะหมดไปเอง
จากหนังสือ บททบทวนธรรม | หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน
สาเหตุที่ต้องอธิบาย บททบทวนธรรม ข้อที่ ๑ เพราะว่าเราต้องล้างกิเลสตัวใหญ่ (สักกายะ) ให้ได้ก่อน ถ้าข้อแรกพอมีสภาวะแล้ว ข้ออื่น ๆ ก็จะเข้าใจง่ายขึ้น เพราะการปฏิบัติธรรม ต้องไล่จากหยาบไปหาละเอียด หรือลาด ลุ่ม ลึก ไปเป็นลำดับ ๆ ได้ผลตามลำดับ(ฟันจะได้ไม่หลอ) มาแกะออก มาแยกออก ให้เห็นออกมาเป็นสภาวะที่คนมองไม่เห็นให้เห็นง่าย ๆ เวลาเราเห็นอะไรแล้วชัง ปกติก็จะโทษผู้อื่นทันทีเลย ว่า “เขา” เขาทำให้เราเสียหาย เห็นกับตามีหลักฐานยืนยัน
บรรทัดที่ ๑ เรื่องการเข้าใจผิดของเรากับผู้อื่น ส่วนมากจิตจะพุ่งตรงใส่ “เขา” มาก่อน (กิเลสเข้าไปในใจเราแล้ว สิงร่างเรา สั่งเราให้แสดงเรื่องชั่ว ๆ ทำให้เห็นว่าโลกนี้วุ่นวาย เพราะกิเลสเราเล่นงาน)
บรรทัดที่ ๒ เราต้องระลึกรู้ว่า คือสังวรระวังจิตเราจะไปตัดสินให้ร้าย เอาขยะของเราไปโยนทิ้งใส่คนอื่น สังวรศีล สำรวม กาย วาจา ใจ
บรรทัดที่ ๓ มันคือวิบากกรรมเขา ชั่วของเขา แต่เราโง่ไปขอแบ่งหุ้นชั่วทำไม (ให้ถามใจตนเอง ซื่อสัตย์ต่อตนเอง) ให้แยกออก มาจากเรื่องของเรา เอาไปเก็บไว้ก่อน ฝากเอาไว้ก่อน
เรื่องคนอื่น ให้พิจารณาแต่ส่วนดีของเขา หรือเอาประโยชน์จากคนอื่นให้ได้คือ เขาก็เสียสละทำตัวอย่างชั่ว ๆ ให้เรา ก็ดีแล้วเราจะได้เห็นทุกข์ในขณะที่คนอื่นทำ และไม่เอาเยี่ยงอย่าง (เห็นใจกัน ให้โอกาสท่านไปเรียนรู้ทุกข์ สักวันหนึ่งท่านก็จะเป็นอรหันต์) ข้อนี้เราให้บอกกิเลสเราเยอะ ๆ มันจะไปสงสาร (สงสารท่านจริงเหรอ จะไปเอาดีจากคนอื่นมากกว่ามั้ง) ต้องหันกลับมาเพ่งโทษตนเอง อย่างเบิกบาน เท่าที่เราไม่เศร้าหมอง ตรวจใจเราเอง เพราะ”เราแน่ ๆ” เชื่อชัดเรื่องกรรมเลย สำนึกเลย ก็จะมาร้อยมาลัยกับ บรรทัดที่ ๔
บรรทัดที่ ๔ วิบากกรรมเรา แก้ไขได้ด้วยการทำดีไม่มีถือสาไปเรื่อย ๆ (ถือศีล) จะเห็นว่า ตรงจุดนี้ให้แก้ที่เราเป็นแก่นได้ก่อน ชี้ชัดมากครับ ไม่ให้ชี้ออกนอกตัว (ร่างกาย ยาววาหนาคืบกว้างศอก)
บรรทัดที่ ๕ แล้ววันใดวันหนึ่งข้างหน้า ในชาตินี้หรือชาติหน้า หรือชาติอื่น ๆ สืบไป ความเข้าใจผิดนั้นก็จะหมดไปเอง ให้ใจเย็น แต่คนจะมา งง ๆ เมา ๆ
ถูกแล้วเราจะได้หาข้อมูลเพิ่ม (ปรโตโฆษะ) รู้จักคนมากขึ้น กิเลสจะหลอกหาฟังธรรมะง่าย จะได้รู้ว่ากิเลสจะลงได้ก็ต้องขยันให้ข้อมูลจริง ๑ คำกิเลสลดลงแล้ว แต่กิเลสฉลาด (มันรู้ว่ามันจะตาย จะมากระซิบบ่อย ๆ ไม่ให้เราท่องบททบทวนธรรมทีละ ๑ ข้อ)
แล้วก็วิเคาะห์เนื้อหาทีละประโยค เจาะลึกเข้าไปหาเหลี่ยมมุมไหนที่เราแพ้ (คำพูดของครูบาอาจารย์ ข้อมูลที่กิเลสเถียงไม่ออก) จับคำโกหกของมัน มาหลอกว่ามันไม่ตายเพราะบททบทวนธรรม (ทบ หมายถึงทำซ้ำ ๆ) ทำให้คนท้อถอย กิเลสรู้นะ มันแพ้บททบทวนธรรม จะรู้ได้อย่างไรละว่า มันลดลงจริง (ฝึกเป็นนักวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบดูก่อนมาพบแพทย์วิถีธรรม พอมาใช้วิธีการยา ๙ เม็ด และทำตาม ก็ดีขึ้นชัด ๆ อยู่แล้ว)
คนมีศีล พูด ให้เราเชื่อไปก่อน ยอมทำตาม ขอร่วมฝึกขอแบ่งเบาภาระ แพ้หมู่ที่มีศีล ขอซักชาติได้ไหม (ให้รางวัลกับชีวิตตนเอง) จะขอฝึกให้กล้าแกร่ง ทั้งเรี่ยวแรง และวิญญาณ (ภาษาบอกว่า แพ้หมู่ที่มีศีล กิเลสไม่ยอม ก็เราแพ้หมู่ แต่เราชนะกิเลส) ชนะหมู่ทำมาแล้วทุกข์มาก ๆ (ลึกซึ้ง รู้ตามได้ยาก เห็นตามได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาดคะเนเดาเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต) ทำตามไป (ทำเหมือนท่องแม่สูตรคูณ) สานพลังกับหมู่มิตรดีต่อไป เพราะพ้นทุกข์ใจได้แล้ว ตรวจดูเราได้ประโยชน์ คนอื่นจะได้ประโยชน์ด้วย
ถ้าเราลองฝึกตาม บททบทวนธรรม จะเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแห่งความดี (จิตวิญญาณ) เป็นพลังงานชีวิตระดับพระเจ้า (พลังดี วิบากกรรมดี) คัดลอกมาจากหนังสือปรัชญาดุษฏีนิพนธ์เล่ม ๓ ปริญญาเอก ของ อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน หน้า ๑๑๘ ๑๑๙
บททบทวนธรรมโดย อาจารย์หมอเขียว (ดร.ใจเพชร กล้าจน)