ความสุขของชีวิตอยู่ที่ความพอ : อรวิภา กริฟฟิธส์
ชีวิตก่อนที่จะมารู้จักกับแพทย์วิถีธรรมนั้น เราเคยคิดว่าการมีมาก ๆ คือความปลอดภัยและมั่นคง แล้วเราก็ดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ทุกข์อยู่กับการแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราคิดว่าจะนำสุขให้
ความสุขของชีวิตอยู่ที่ความพอ
สุขอยู่ที่พอ พออยู่ที่ใจ
พอเมื่อไหร่ก็สุขเมื่อนั้น
ไม่พอเมื่อไหร่ก็ทุกข์เมื่อนั้น
บททบทวนธรรม ดร. ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
ชีวิตเมื่อก่อนนี้เราก็คิดว่าการได้มามาก ๆ คือความปลอดภัยมั่นคง เราก็ดิ้นรนแสวงหาเพื่อให้ได้มา ใจจริงนั่นเราก็รู้ว่าทุกข์นะ แต่ก็ยังมีความกลัวกังวลอยู่ กลัวว่าสิ่งที่เราได้มาจะหมดไปหรือไม่พอใช้ ก็พยายามแสวงหาและสะสม อยากได้มาก ๆ ก็ทำชั่วได้ทุกเรื่องเป็นแรงเหนี่ยวนำที่ไม่ดีให้คนอื่นเป็นตามอีก เอามามาก ๆ คนอื่นก็ขาดแคลน ใจจึงมีแต่ความกังวลเราหวั่นไหว ไม่เคยพบความสุขที่แท้จริงเลย
พอได้มาพบกับหมู่มิตรดีแพทย์วิถีธรรม ได้พบสัตบุรุษ ได้ฟังสัจจธรรม ได้เรียนรู้การพึ่งตนเองและแบ่งปัน เรากลับพบว่าชีวิตนั้นไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย สิ่งที่เราต้องการคือ ปัจจัยสี่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคและไม่ต้องมีมาก มีน้อย ๆ ก็พอ แล้วเราก็ขยันสร้างสรรค์แต่เอามาเพื่อตัวเองน้อย ๆ ที่เหลือก็แบ่งปัน ดั่งคำสอนของอาจารย์หมอเขียวที่ว่า ความสุขของชีวิตอยู่ที่ความพอ สุขอยู่ที่พอ พออยู่ที่ใจ พอเมื่อไหร่ก็สุขเมื่อนั่น ไม่พอเมื่อไหร่ก็ทุกข์เมิ่อนั้น
ตัวเองก็ได้มาฝึกปฏิบัติลดการที่จะเอามาเป็นของ ๆ ตน ฝึกเป็นคนกินน้อยใช้น้อย เอาไว้เท่าที่จะไม่ฝึดเคือง ทำกสิกรรมไร้สารพิษจนสามารถพึ่งตนเองได้ และได้มีเหลือแบงปัน ก็ได้เห็นจริงด้วยตัวเองว่าไม่ต้องมีมากก็อยู่ได้
สรุป สุขอยู่ที่พอ พออยู่ที่ใจ ที่เราทุกข์เพราะว่าใจเราไม่พอนั่นเอง เราหลงสุขลวงทุกข์จริง ชีวิตที่ผ่านมาจึงเป็นชีวิตที่ขาดทุนเพราะไม่รู้ว่า ความสุขของชีวิตอยู่ที่ความพอ
บททบทวนธรรมโดย อาจารย์หมอเขียว (ดร.ใจเพชร กล้าจน)